fbpx

RICH IN BLACK Collection

ขายเป็นหลา? วิธีคำนวณหลา

อยากได้ผ้าเป็นเมตร แต่ร้านขายผ้าไปหลา โอ้ย! คำนวณยังไงดีเนี่ย หลายๆ คนมักประสบปัญหาเวลาไปซื้อผ้าแล้วงงว่าผ้าหนึ่งหลากับหนึ่งเมตรมันต่างกันอย่างไร วันนี้ Nitas Tessile จะพาทุกคนมาคำนวณหลาเป็นเมตรแบบง่ายๆ กัน

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักการวัดซึ่งที่นิยมใช้ในการวัดผ้ามี 2 ระบบคือระบบเมตริก (Metric system) และระบบอังกฤษ (Imperial system)

ระบบเมตริก (Metric System)

เป็นระบบการวัดที่มีพื้นฐานมาจากเลขฐานสิบ

  • 10 มิลลิเมตร = 1 เซนติเมตร
  • 100 เซนติเมตร = 1 เมตร
  • 1,000 เมตร = 1 กิโลเมตร

ระบบอังกฤษ (Imperial System)

เป็นหน่วยวัดโบราณที่ใช้กันมาตั้งแต่ศริสต์ศตวรรษที่ 12 ยังเป็นที่นิยมแพร่หลายในหลายประเทศ

  • 8 หุน = 1 นิ้ว
  • 12 นิ้ว = 1 ฟุต
  • 3 ฟุต = 1 หลา
  • 1,760 หลา = 1 ไมล์

แล้วผ้า 1 หลา เท่ากับกี่เมตร?

ผ้าเมตร คือ ความยาวผ้า 1 เมตร เท่ากับ 100 เซนติเมตร
ผ้าหลา คือ ความยาวผ้า 1 หลา เท่ากัน 90 เซนติเมตร
การคิดผ้าหลาเป็นผ้าเมตรง่ายๆ คือ ผ้า 1 หลา เท่ากับ 0.9 เมตร

ส่วนใหญ่ร้านผ้าม่านให้เราซื้อผ้าในจำนวนขั้นต่ำ 1 เมตร แต่ความแตกต่างระหว่าง 1 เมตร กับ 1 หลา นั้นน้อยมากไม่ถึง 10 เซนติเมตร แต่หากซื้อผ้าจำนวนมากความแตกต่างระหว่างจำนวนเมตรและจำนวนหลาจะยิ่งมากขึ้น เช่น ถ้าซื้อผ้าจำนวน 100 หลา จะได้ผ้าเพียงแค่ 90 เมตร ซึ่งมีความแตกต่างเกือบ 10 หลา


ถ้าอยากได้ผ้า 1 เมตร ต้องซื้อกี่หลา? หากเราต้องการผ้าเป็นเมตร แต่ทางร้านขายด้วยระบบหลา เราสามารถเปลี่ยนหลาเป็นเมตรได้ง่ายๆ นั่นคือ

การคำนวณตามที่กล่าวมา ทำให้เราสามารถคำนวณเมตรเป็นหลาได้ง่ายๆ หากเป็นจำนวนมากๆ เราสามารถใช้โทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องคิดเลขจากทางร้านช่วยคำนวณ แต่ที่สำคัญคือความถูกต้อง หากเราซื้อผ้าจำนวนน้อยอาจจะดูต่างกันไม่มาก แต่หากซื้อจำนวนมาก ความแตกต่างมีมากมายเลยที่เดียว


KENOBI Collection

เล่มตัวอย่างผ้า สำหรับลูกค้าตัวแทนจำหน่าย ที่ต้องการมีไว้เพื่อการนำเสนอลูกค้า
ติดต่อรับได้ที่ ฝ่ายขายประจำพื้นที่ หรือทาง Line
แจ้งขอรับได้ตั้งแต่ วันนี้ – จนกว่าเล่มตัวอย่างจะหมด

*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็คราคาอัพเดท ก่อนสั่งทุกครั้ง


“ผ้าหน้ากว้าง Wide Width Fabric” ดีอย่างไร ?

“ไร้รอยต่อ ทอเต็มผืน” ไม่ใช่สโลแกนของยี่ห้อที่นอนแต่อย่างใด แต่เป็นคุณสมบัติของผ้าหน้ากว้าง หรือ Wide Width Fabric ผ้าหน้ากว้างคืออะไร? แล้วมีดีอย่างไร? บทความที้จะพาทุกคนไปรู้จักกับผ้าหน้ากว้างกัน พร้อมแล้ว ไปกันเลย ..

ผ้าหน้ากว้าง (Wide Width Fabric) คือผ้าที่มีความกว้างของหน้าผ้ากว้างกว่าปกติคือ โดยความกว้างจะอยู่ที่ 2.80 เมตร ไปจนถึง 3.20 เมตร ด้วยความกว้างของหน้าผ้าขนาดดังกล่าว จึงนิยมใช้ด้านกว้างของหน้าผ้าเป็นความสูง ไม่ต้องต่อผ้าในแนวตั้ง ทำให้ไม่เกิดรอยต่อ จึงสวยงามมากกว่า

นอกจากนั้นผ้าหน้ากว้างยังทำให้งบประมาณโดยรวมถูกกว่า แม้ว่าราคาต่อหลาจะแพงกว่า แต่ผ้าหน้ากว้างจะใช้จำนวนชิ้นผ้าที่น้อยกว่า และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตัดเย็บ

ผ้าหน้ากว้างเหมาะสำหรับท่านที่ไม่ต้องการให้ผ้าม่านเกิดรอยต่อ และต้องการคุมงบประมาณของการตกแต่งบ้าน

คุณสามารถทราบถึงคุณสมบัติดังกล่าวของผ้า NITAS TESSILE ได้ง่ายๆ จากการสังเกตุสัญลักษณ์ ดังรูปด้านล่างนี้

ดูเนื้อผ้าหน้ากว้ทั้งหมดที่นี้ คลิก!!!

ดูเล่มตัวอย่างและแผ่นพับ ผ้าหน้ากว้างได้ที่นี้ คลิก!!!


ลายผ้า (Pattern) ที่นิยมใช้แต่งห้องที่คนรักบ้านต้องชอบ

“ลายแบบเรียบๆ ก็สวย ลายดอกไม้ก็ดี ลายไหนก็ถูกใจไปหมด ..’ ตอนเลือกซื้อผ้าม่านหรือผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ หลายคนมักจะเกิดอาการลังเลว่าจะเลือกลวดลายบนผ้าอย่างไรดีให้เหมาะกับห้อง วันนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักลวดลายต่างๆ บนผ้ากัน ว่าแต่ละลวดลายลักษณะเด่นอย่างไร และเหมาะกับห้องแบบไหน เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจในการซื้อผ้าม่านหรือผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ของคุณ ไปกันเลย ..

 1. ลวดลายเรียบ (Plain Pattern)

คือผ้าที่ไม่มีลวดลายใดเลย มีเพียงสีพื้นเท่านั้น
เหมาะสำหรับห้อง : สามารถใช้แต่งห้องได้ทุกสไตล์ ทำให้ห้องดูเรียบง่าย


2. ลวดลายพื้นผิว (Texture Pattern)

เป็นลายพื้นผิวที่เกิดจากการถักหรือการทอผ้า
เหมาะสำหรับห้อง : ห้องทุกสไตล์เช่นกัน แต่ทำให้ห้องมีมิติเพิ่มขึ้นมากกว่า


3. ลวดลายธรรมชาติ (Natural Pattern)

3.1 ลวดลายดอกไม้ (Floral Pattern) เป็นลวดลายที่นำรูปร่าง หรือรูปทรงของดอกไมเในธรรมชาติ มาถัก ทอ หรือพิมพ์ลายบนผืนผ้าให้เกิดเป็นลวดลาย
เหมาะสำหรับห้อง : ห้องที่ต้องการเข้าใกล้ความเป็นธรรมชาติ มีความ Feminine สูง สร้างบรรยาการศที่สดชื่นให้กับห้อง และเป็นลายหนึ่งที่เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ

3.2 ลวดลายใบไม้ (Leaves Pattern) เป็นลวดลายที่นำรูปร่าง ใบไม้รูปทรงต่างๆ มีออกแบบเป็นแพทเทิร์น
เหมาะสำหรับห้อง : ห้องที่ต้องการเข้าใกล้ความเป็นธรรมชาติ สร้างบรรยาการศที่รื่นรมย์ให้กับห้อง


 4. กลุ่มลวดลายคลาสสิค (Classic Pattern)

เป็นการเรียกโดยรวมของลายในยุคสมัยในอดีตที่ยังคงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ลายคลาสสิคเหมาะกับห้องที่แต่งเพื่อความหรูหรา ความคลาสสิค ความวินเทจ แสดงถึงรสนิยมของเจ้าของ ตัวอย่างของลายคลาสสิค อาทิเช่น

4.1 ลวดลายหลุยส์ (Louis Pattern) คือลวดลายที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแนวตะวันตก ที่มีความงดงามหรูหรา ชดช้อย เป็นลวดลายที่ประดิษฐ์จากธรรมชาติ พืชพรรณ ใบไม้ ดอกไม้ ทางตะวันตก สร้างสรรค์เป็นลวดลายขึ้นมา โดยลวดลายเหล่านี้จะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ภูมิภาคของยุโรป โดยลายแนวนี้จะมีความชัดเจนที่คนไทยส่วนใหญ่เห็นจะเป็นลวดลายถ่ายทอดออกมาทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของฝรั่งเศส ที่โดดเด่นสุดคือ พระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles) ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่จึงเรียกลวดลายเหล่านี้รวมๆ ว่า ‘ลายหลุยส์’ ตามชื่อกษัตริย์ที่ปกครองอาณาจักฝรั่งเศสในสมัยนั้น แต่ที่จริงแล้วถ้าเราจะสื่อสารกับชาวต่างชาติแบบสากลจะเรียกลวดลายเหล่านี้ว่า ลายคลาสสิค หรือเรียกว่า Design of intertwined sprays ในภาษาอังกฤษ  เพราะหากเราเรียกว่าลายหลุยส์ เขาจะนึกถึงลาย โมโนแกรมของแบรนด์กระเป๋าชื่อดังแทน
เหมาะสำหรับห้อง : ห้องที่ต้องการความโดดเด่น แสดงถึงความหรูหรา และอลังการ โดยส่วนมากจะใช้สีทองในการตกแต่ง

4.2 ลวดลายดามาส (Damask Pattern) มาจากชื่อของเมืองดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมืองท่าสำคัญบนเส้นทางสายไหม ลายดามาสโดดเด่นด้วยลวดลายที่มีลักษณะเป็นประดิษฐ์ดัดแปลงของพืชพรรณ ธรรมชาติให้สวยงาม เช่น ใบอะแคนทัส (Acanthus) หรือจริงก็คือใบผักชี และใบต้นฝิ่น ลักษณะสังเกตุของลายดามาสคือจะมีลักษณะ เป็นกลุ่มลวดลายเป็นดวง ส่วนใหญ่จะอยู่ในทรงรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด (Marquise Shape) กระจายตัวอยู่ทั่วทั้งผืนผ้า มีจังหวะการเรียงตัวที่เท่าๆ กัน อย่างงดงาม
เหมาะสำหรับห้อง : ห้องที่ต้องการความโดดเด่น แสดงถึงความหรูหรา และอลังการ

4.3 ลวดลายสโคล์ (Scroll Pattern) หรือลายขด หรือ ลายเคลือเถา (Bunch of vine) หรือมีลักษณะคล้ายกับแผ่นกระดาษที่ถูกม้วน โดดเด่นด้วยลวดลายของพืชพรรณ ก้านใบ ดอกไม้ที่เสมือนไม้เลื้อย เถาองุ่นที่แตกยอด เกาะเกี่ยว เลี้ยวพันกัน วนกันเป็นเถาวัลย์ หรือขดคล้ายก้นหอย ลายที่ดัดแปลงธรรมชาติที่มีรสนิยมที่หรูหร่า ในรูปแบบที่น้อย
เหมาะสำหรับห้อง : ห้องที่ต้องการความโดดเด่น เคลื่อนไหว อ่อนโยนแต่ ให้ความหรูหรา  และดู Feminine มากขึ้น

4.4 ลวดลายเพสลีย์ (Paisley Pattern) หรือลายลูกผักชี หรือคนไทยบางคนก็เรียกลายลูกน้ำ คนอินเดียก็ว่าเป็นลายมาจากมะม่วง คนฝรั่งเศสเรียกว่าเป็นลายจากลูกอ๊อด บ้างก็เรียกว่าลายจากแตงกวาดองเปอร์เซีย (Persian Pickle)

โดยแท้จริงแล้วลายนี้มีต้นกำเนิดมาจากแถบเปอร์เซีย ในชื่อ Buta หรือ Boteh ที่แปลว่าดอกไม้ รวมกับต้นสนไซเปรสที่โน้มกิ่งตามลม ซึ่งได้เข้ามาถึงในอังกฤษในยุคล่าอาณานิคม และเป็นที่ต้องการมาในสมัยนั้น จนกระทั่งชาวเมืองเพสลีย์ ประเทศสก็อตแลนด์เริ่มทอลายผ้าแบบนี้บ้างเพื่อตอบสนองความต้องการที่สูงในสมัยนั้น และด้วยเทคโนโลยีการทอที่ล้ำหน้า สามารถทอแบบแจ็คการ์ด (Jacquard) ที่สามารถทอสลับสีเส้นด้าย ได้ถึง 15 สี ทำให้ผ้าลายเพสลีย์สวยงาม และมีลูกเล่นของการให้สีสวยงามขึ้นไปอีก เป็นที่นิยมเรื่อยมา ทำให้ผ้าลาย Boteh ภาษาถิ่นเกิดก็ได้มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า ลายเพสลีย์ ตามชื่อเมืองนั้นเอง ลายที่โดดเด่นคล้ายหยดน้ำมีปลายโค้งมนที่เรียงร้อยกัน เป็นแพทเทิร์นที่ไม่มีรูปแบบตายตัว
เหมาะสำหรับห้อง : เหมาะเป็นผ้าชิ้นไม่ใหญ่มาก เช่น หมอน หรือนำไปบุอาร์มแชร์ตัวเก่ง เพิ่มบุคคลิคให้ห้อง ไม่นิยมใช้เป็นชิ้นใหญ่ในบ้าน อย่างผ้าม่านเพราะมีลวดลายเยอะ เลอะไปจนทำให้ดูสับสบ ดหมะกับห้องสไตล์วินเทจแบบผู้ดีอังกฤษ ที่ต้องการความความโดดเด่นของลวดลาย สร้างบรรยากาศโดยร่วมของห้องมีกลิ่นอายความเป็นอังกฤษที่ปนด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมพื้นถิ่นจากตะวันออกกลาง

4.5 ลวดลายเทรลลิสส์ (Trellis Pattern) หรือลายโครงเถาไม้เลื้อย ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลายโครงไม้ โครงเหล็ก หรือตาข่าย สำหรับเพาะปลูกไม้เลื้อย โดดเด่นด้วยลวดลายที่ประกอบกันอย่างประณีตจากเส้นต่างๆ ลักษณะการสังเกตุจะเป็นลายที่มาจากการสานกันแนวทะแยง ตัดกันเป็นทรงสีเหลี่ยมข้ามหลามตัด ทั้งเส้นตรง และเส้นโค้ง ดูอ่อนช้อยงดงาม
เหมาะสำหรับห้อง : สามารถตกแต่งห้องได้ทุกสไตล์ เพื่อความสวยงามแบบคลาสสิคให้กับห้อง นิยมใช้ตกแต่งห้องแนวหรูหราแบบร่วมสมัย (Contemporary Luxury)

4.6 ลวดลายดอกลิลลี่   (Fleur De Lis Pattern) อ่านออกเสียง เฟลอร์ เดอ ลีส เป็นภาษาฝรั่งเศส เป็นสัญลักษณ์ที่แปลงมาจากดอกลิลลี่หรือดอกไอริสที่ใช้ในการตกแต่ง และอาจจะเป็นได้ทั้งสัญลักษณ์ทางการเมือง ทางการสืบเชื้อสาย ทางศิลปะ ทางการเป็นตรา และโดยเฉพาะในการใช้เป็นตราประจำตระกูล ปัจจุบันมีการนำมาใช้เป็นลวดลายสำหรับผ้ามากมาย โดดเด่นด้วย
เหมาะสำหรับห้อง : ห้องที่สไตล์คลาสสิค ที่ต้องการให้ดูเป็นห้องชนชั้นสูง และแสดงถึงอำนาจชนชั้นการปกครอง แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยเป็นที่นิยมเพราะว่าเป็นหนึ่งในลายที่ในยุคล่าอณานิคมของฝรั่งเศสได้ใช้ลายนี้ตีตราลงไปที่ตัวทาสชาวแอฟริกาในสมัยนั้น ฉะนั้นจึงเป็นลายที่ละเอียดอ่อนในความรู้สึกในบางสังคมนั้นเอง

4.7 ลวดลาย ตวล เดอ ฌุย (Toile de Jouy Pattern) หรือที่เรียกว่า ‘Jouy Print’ เป็นภาพสะท้อนเรื่องราวให้เห็นวิถีชีวิตของฝรั่งเศส ในช่วงศตวรรษที่ 18 ออกแบบด้วยการพิมพ์ลวดลายของสถาปัตยกรรม หรือบุคคลในช่วงศตวรรษที่ 18 ลงบนผ้าลินิน หรือผ้าฝ้าย
เหมาะสำหรับห้อง : ห้องที่ตกแต่งสไตล์วินเทจ ช่วยให้ห้องดูมีเรื่องราว มีชีวิตชีวามากขึ้น


5. ลวดลายแอ็บสแตร็กส์ (Abstract Pattern)

มีที่มาจากศิลปะนามธรรม (Abstract Art) โดดเด่นด้วยลวดลายที่มีความเป็นอิสระทั้งรูปร่าง เส้น และเป็นอิสระจากรูปร่างตามธรรมชาติ ไม่มีรูปร่างตายตัว
เหมาะสำหรับห้อง : ห้องที่ต้องการสื่อถึงรสนิยมทางศิลปะชั้นสูง เข้าถึงยาก น่าค้นหา ให้ความเป็นตัวตนของเจ้าของห้อง ไม่ซ้ำใคร


 6. กลุ่มลวดลายเรขาคณิต (Geometric Pattern)

6.1 ลวดลายเรขาคณิต (Geometric Pattern) เป็นลวดลายแรกๆ ที่มนุษย์ใช้ตกแต่งผ้า โดดเด่นด้วยลวดลายที่เกิดจากประกอบกันของเส้น หรือรูปร่างจนเกิดเป็นลวดลายเรขาคณิต เช่น สามเหลี่ยม หลายเหลี่ยม วงกลม เป็นต้น
เหมาะสำหรับห้อง : ห้องสไตล์โมเดิร์นที่ต้องการให้ห้องดูสดใสมีชีวิตชีวา ลดทอนความเรียบเกินไปของสไตล์โมเดิร์น

6.2. ลวดลายทาง (Stripe Pattern) เป็นลายที่มีความโดดเด่นด้วยการสลับแถบสีที่ต่างสี หรือต่างโทนกัน โดยแถบสีอาจจะเท่ากัน หรือไม่เท่ากันก็ได้
เหมาะสำหรับห้อง : ห้องที่ต้องการพรางเตี๊ยของเพดานห้อง ทำให้ห้องดูสูงโปร่งขึ้น สื่อถึงความตรงไปตรงมา เป็นทางการ เป็นระเบียบ และยังทำให้ห้องดูภูมิฐานน่าเชื่อถือมากขึ้นอีกด้วย

6.3 ลวดลายเชฟรอน (Chevron Pattern) หรือที่เรียกติดปากว่า ลายซิกแซก  จะเรียงลวดลายเหมือนกับลายเฮอร์ริ่งโบน แตกต่างกันบริเวณรอยต่อที่ลายเชฟรอนจะประกบกันพอดี
เหมาะสำหรับห้อง :
ความเหมาะสมของลายเชฟรอนจะเหมือนกับลายเฮอร์ริ่งโบน คือเหมาะกับห้องสมัยใหม่ที่ต้องการกลิ่นอายของความคลาสสิค ไม่เหมือนใคร นอกจากนั้นยังช่วยลวงตาให้ห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย แต่ไม่เหมาะสำหรับการใช้ในพื้นที่ใหญ่ๆ เพราะจะทำให้ลายตาได้

6.4 ลวดลายเฮอร์ริ่งโบน (Herringbone Pattern) หรือลายก้างปลา โดดเด่นด้วยการจัดเรียงลวดลายอันประณีตสลับทิศทางกันเหมือนก้างปลา มีให้เลือกหลากหลายแบบ อาทิ ลายก้างปลาแบบเดี่ยว (Single Herringbone) ลายก้างปลาแบบเส้นคู่ (Double Herringbone) มีความคล้ายคลึงกับลายเชฟรอน
เหมาะสำหรับห้อง : ห้องสมัยใหม่ที่ต้องการกลิ่นอายของความคลาสสิค ไม่เหมือนใคร นอกจากนั้นยังช่วยลวงตาให้ห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย แต่ไม่เหมาะสำหรับการใช้ในพื้นที่ใหญ่ๆ เพราะจะทำให้ลายตาได้

6.5 ลวดลายโพลก้าดอท (Polka Dot Pattern) ผู้ให้กำเนิดลายโพลก้าดอทคือ ศิลปินชาวญี่ปุ่น ชื่อยาโยอิ คุซามะ  (Yayoi Kusama)  โดยเธอคิดลายนี้ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ โดดเด่นด้วยลวดลายวงกลมทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก ที่เท่ากัน หรือไม่เท่ากัน ซ้ำๆ กันทั้งผืนผ้า
เหมาะสำหรับห้อง : เหมาะสำหรับห้องทุกสไตล์ ที่ต้องการความสดใส และสนุกสนานให้กับห้อง


7. กลุ่มลวดลายสก็อต (Scottish pattern)

ลายที่คนไทยอาจจะคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ใกล้ตัวอย่างผ้าขาวม้า แต่ความจริงแล้วที่คนไทยส่วนใหญ่ชอบเรียกรวมว่าลายสก็อต มีลายอะไรบ้างมาดูกันเลย
7. 1 ลวดลายตาราง (Check Pattern) เป็นลายที่โดดเด่นด้วยการเรียงช่องสี่เหลี่ยมที่มีสีต่างกัน หรือโทนที่ต่างกัน โดยทุกช่องจะเท่ากัน
เหมาะสำหรับห้อง : เป็นลายที่เหมาะกับห้องสไตล์ คลาสิกโมเดิร์น สร้างบรรยากาศแบบยุคกลาง เข็มแข็ง น่าเชื่อถือ แต่แฝงไปด้วยความหรูหรา

7.2 ลวดลายกิงแฮม (Gingham Pattern) เป็นลวดลายที่เป็นที่นิยมมากในอังกฤษ ช่วงกลางศตวรรษที่ 18 คนส่วนมากจะสับสนระหว่างลายตาราง (Check Pattern) และลายกิงแฮม โดยความแตกต่างของทั้งสองลายนี้ ที่เห็นได้ชัดคือลายกิงแฮมจะมีบางช่องที่เกิดการผสมกันระหว่างสีของด้ายทั้งสองจากกระบวนการทอ
เหมาะสำหรับห้อง : เป็นลายที่เหมาะกับห้องทุกสไตล์การตกแต่ง ทำให้ห้องมีกลิ่นอายของอังกฤษ สก็อตแลนด์

7.3 ลวดลายทาร์ทัน (Tartan Pattern) หรือที่คนไทยก็เรียกว่าลายสก็อตต์ (Scott Pattern) ชาวอเมริกันเรียกว่า ลายแพลด (Plaid) เป็นลายผ้าที่โด่งดังมาก จนไม่มีใครไม่รู้จัก เกิดขึ้นตั้งแต่สองพันปีก่อน โดยชนเผ่าทาร์ทัน โดดเด่นด้วยเส้นด้ายสีสันต่างๆ สานไขว้ไปมา ลวดลายคล้ายกับตารางหมากรุก
เหมาะสำหรับห้อง : เป็นลายที่เหมาะกับห้องทุกสไตล์การตกแต่ง ทำให้ห้องมีกลิ่นอายของอังกฤษ สก็อตแลนด์

7.4 ลวดลายสาน (Basketweave Pattern) เป็นลวดลายที่คุ้นเคยกันดี ในงานหัตถกรรมจักสาน โดดเด่นด้วยลวดลายแถบสองสี หรือสองโทน สานสลับไขว้กันทำให้เกิดลวดลายสานที่หลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับกระบวนการในการสาน เช่น  ลายขัด ลายทแยง ลายขด หรือลายอิสระ เป็นต้น
เหมาะสำหรับห้อง : เหมาะสำหรับห้องทุกสไตล์ ที่ต้องการกลิ่นอายความเป็นพื้นถิ่น (Traditional)

7.5 ลวดลายมาดาส (Madras Pattern) หรือที่คนไทยรู้จักว่า ‘ลายผ้าขาวม้า’ มีต้นกำเนิดที่เมืองเจนไน ประเทศอินเดีย โดยชื่อดั้งเดิมมีชื่อว่าลายเจนไน ตามชื่อเมืองกำเนิด เป็นที่นิยมอย่างมากเนื่องจากโดดเด่นด้วยสีสันสดใส ส่วนมากจะปรากฏสีโทนสว่าง เช่น สีส้ม สีชม หรือสีเหลือง ทำให้นึกถึงฤดูร้อน
เหมาะสำหรับห้อง : เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการเข้าถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น

7.6 ลวดลายเกลน (Glen) หรือลายตารางของเจ้าชายเวลส์ (Prince of Wales Check) ที่มาของลวดลายนี้เกิดมาจากความนิยมของเจ้าฟ้าชายเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งเวลส์ โดดเด่นด้วยการใช้ลวดลายที่ต่างๆ เช่นลายฮาวด์ทูธ ใส่ไว้ในช่องสี่เหลี่ยมของลายตารางหมากรุก (Check Pattern) จึงเรียกว่า ลายตารางของเจ้าชายเวลส์
เหมาะสำหรับห้อง : เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความสบาย และผ่อนคลายแก่ผู้อยู่อาศัย มีกลิ่มอายของความเป็นอังกฤษ

7.7 ลวดลายวินโดวเพลน (Windowpane) เป็นลวดลายที่โดดเด่นด้วยการคาดเส้นทำให้เกิดช่องสีเหลี่ยมเหมือนช่องหน้าต่าง
เหมาะสำหรับห้อง : เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความสบาย และผ่อนคลายแก่ผู้อยู่อาศัย

7.8 ลวดลายแท็ทเทอร์ซอล  (Tattersall Pattern) มีต้นกำเนิดมาจากลอนดอน ลายนี้คือการนำลายวินโดว์เพลนสองลายมาประกบกัน ทำให้เกิดเส้นสองสีที่ซ้อนกันอยู่
เหมาะสำหรับห้อง : เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความสบาย และผ่อนคลายแก่ผู้อยู่อาศัย

7.9 ลวดลายฮาวส์ทูธ (Houndstooth Pattern) เป็นผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงเกิดจากการคิดค้นการให้ลายอย่างไรไม่ให้น่าเบื่อในรูปแบบสก็อตแบบตั้งเดิมจึงเกิดการพัฒนาขึ้น ต้นกำเนิดมาจากชาวพื้นเมืองของสก็อตแลนด์ โดดเด่นด้วยลักษณะเป็นแฉกสี่เหลี่ยมคล้ายกับดาวกระจายสลับกัน 2 สี คล้ายฟันของสุนัข สีที่เป็นสีที่นิยมนำมาทำแพทเทิร์นได้หลากหลายคือ สีขาวสลับดำ และเป็นลายหนึ่งที่มีอายุเก่าแก่ แต่ยังคงความร่วมสมัย ซึ่งในวงการแฟชั่นลายยฮาวส์ทูธนี้ ก็เป็นลายที่ได้รับนิยมสูงสุดลายหนึ่งเช่นกัน
เหมาะสำหรับห้อง : เหมาะกับห้องโมเดิร์น คลาสสิค เปรี๊ยว ใช้เป็นผ้าบุอาร?มแชร์ตัวโปรด หรือหมอนตกแต่ง เพื่อต้องการเรียกร้องความน่าสนใจให้กับห้องได้ดีมากลายหนึ่ง ทำให้มีกลิ่นอายของนำสมัยป่นด้วยความคลาสิค แสดงรสนิยมอันมีระดับของผู้อยู่อาศัยได้ดีเลยที่เดียว

7.10  ลวดลายอาร์ไจล์ (Argyle Pattern) มีต้นกำเนิดจากเมืองอาไจล์ ทางตะวันตกของประเทศสก็อตแลนด์ ในช่วงศตวรรษที่ 17 โดดเด่นด้วยลวดลายที่มีลักษณะคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน เรียงซ้อนกันในแนวเฉียงเพื่อให้เกิดมิติของการเคลื่อนไหว โดยอาจจะเป็นแถวยาว หรือตลอดทั้งผืนผ้าก็ได้ ลายนี้กำเนิดมาจากลายจากการถัก (Knitting) ไม่ใช่การทอ (Weaving) เพราะการทอจะมีชุดได้เพียงได้พุ่ง แนวตั้ง และได้ยื่นแนวนอน เท่านั้น การจะทอเป็นลายสี่เหลี่ยมทะแยง หรือสี่เหลี่ยมข้ามหลามตัดแบบนี้ค่อยข้างยากมากในตอนนั้น และลายนี้ที่เราเห็นกันอย่างคุ้นเคยคือลายที่อยู่ในเสื้อเสื้อ Sweater และเสื้อกัก ที่ส่วมทับเสื้อเชิ๊ตตามหนังฝรั่งนั้นเอง
เหมาะสำหรับห้อง : เหมาะสำหรับห้องทุกคลาสสิก ส่วนใหญ่นิยมนำมาเป็นลายตกแต่ง เช่น หมอนต่างๆ เพื่อเพิ่มความคลาสิก การตกแต่งที่ให้อารมณ์บ้านอยู่ในเขตประเทศอบอุ่น ให้กลิ่นอายความเป็นผู้ดีอังกฤษแบบวินเทจให้กับห้องนั้นๆ


8. ลวดลายพราง (Camouflage Pattern)

 มีต้นกำเนิดมาจากลายบนเครื่องแบบของทหาร ที่ใช้เพื่ออำพรางสายตาเมื่ออยู่ในที่มืด หรืออยู่ในป่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดดเด่นด้วยลวดลายอิสระลักษณะคล้ายใบไม้ที่ทับถมกัน โดยมากจะใช้สีในธรรมชาติ อย่างสีเขียว สีน้ำตาล หรือสีดำ
เหมาะสำหรับห้อง : เป็นลายที่เหมาะกับห้องต้องการแนว Adventure ทำให้ห้องเหมือนอยู่ในป่า ออกแคมป์ เสริมความเป็นธรรมชาติ และความดูเป็น Masculine ดูเข้มแข็ง


9. ลวดลายมัดหมี่ (Ikat Pattern)

ลายมัดหมี่เป็นลวดลายที่ไม่มีรูปแบบตายตัว โดยลวดลายจะเป็นลายเอกลักษณ์ในแต่ละท้องถิ่น ความโดดเด่นของลายมัดหมี่คือการขึ้นลวดลายด้วยการมันและย้อมสีลงไปที่เส้นด้ายก่อนการนำไปทอเมื่อมีการสืบด้ายยืนอีกครั้ง ลวยลายที่สร้างขึ้นแต่แรกนั้นก็จะมีความเคลื่อนไม่เท่ากันเป็นเส้นๆ จึงเกิดลักษณะเฉพาะของผ้าชนิดนี้ขึ้นมา กล่าวคือใช้การมัดเป็นช่วงลายเพื่อกันสีที่ไม่ต้องการ ส่วนใหญ่จะย้อมสีอ่อนก่อน แล้วรอบถัดๆ ไปจึงยอมสีเข้มขึ้น ในปัจจุบันบางท้องถิ่นใช้วิธีการเต้มสีวาดลายลงไปเป็นลวดลายเลยโดยไม่ต้องผ่านการมัดและย้อมหลายๆ รอบเพื่อให้เกิดลวดลายขึ้นมา คนแถบอุษาคเนย์ นิยมใช้เทคนิคนี้ที่ ด้ายพุ่ง ส่วนชาวตะวันตกเรียกใช้เทคนิคนี้กับ ด้ายพุ่ง ทำให้เกิดลักษณะที่ต่างกันของลวดลาย และจึงนำไปทอตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเอง
เหมาะสำหรับห้อง : เป็นลายที่เหมาะกับห้องทุกสไตล์การตกแต่งที่ต้องการกลิ่นอายในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปตามท้องถิ่นนั้น เช่น หากอยากได้ห้องสไตล์ไทยโมเดิร์น อาจจะใช้ผ้าลายมัดหมี่ของไทยเข้าไปเข้าผสมกับการตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เป็นต้น


10. ลวดลายการ์ตูน และลายกราฟิก (Cartoon/Gaphic Pattern)

ลายการ์ตูนเป็นลายที่นำคาแรคเตอร์จากการ์ตูนที่โด่งดัง หรือการ์ตูนรูปคน สัตว์ สิ่งของ ลวยกราฟิกที่ตัดทอนจากสิ่งต่างๆรอบๆตัว ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นทั้งลายทอ และการพิมพ์ลงบนผ้าที่เป็นที่นิยมมากกว่าเพราะให้สีสันได้มากกว่า โดดเด่นด้วยคาแรคเตอร์ของตัวการ์ตูนต่างๆ ให้สนุกไปกับจินตนาการตามช่วงวัย
เหมาะสำหรับห้อง : เหมาะกับห้องเด็ก หรือห้องของผู้ใหญ่ที่ต้องการสร้างบรรยากาศความสนุกสนานก็ได้เช่นกัน


FRONT ROW Collection

Front Row: Upholstery Collection
เล่มที่รวบรวมผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ที่มากที่สุด และดีที่สุดแห่งปี
Enjoy it ^ ^


ABSTRACT Collection

 ABSTRACT

 UPHOLSTERY COLLECTION

แอบ สแตรค เล่มรวมผ้าบุเฟอร์นิเจอร์

UPHOLSTERY ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์: 30012 MONARCH, 30013 ROMAN, 30014 ABSTRACT,  30015 NEW ERA

เล่มตัวอย่างผ้า สำหรับลูกค้าตัวแทนจำหน่าย ที่ต้องการมีไว้เพื่อการนำเสนอลูกค้า
ติดต่อรับได้ที่ ฝ่ายขายประจำพื้นที่ หรือทาง Line
แจ้งขอรับได้ตั้งแต่ วันนี้ – จนกว่าเล่มตัวอย่างจะหมด

*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็คราคาอัพเดท ก่อนสั่งทุกครั้ง

CRUISES F Collection

Cruises: Outdoor Fabrics Collection