ทำไมต้องเลือกใช้ผ้าสำหรับทำผ้าม่านโดยเฉพาะ? ผ้าทั่วไปใช้แทนกันไม่ได้เหรอ?

ในสายตาของคนทั่วไป ผ้าก็คือผ้า ไม่ว่าจะเป็นผ้าสำหรับตัดเย็บเสื้อผ้าหรือผ้าสำหรับทำม่าน แต่ในความเป็นจริง ผ้าสำหรับทำม่านและผ้าตัดเสื้อผ้ามีความแตกต่างกันในหลายมิติ ทั้งเรื่องคุณสมบัติทางเทคนิค ลักษณะโครงสร้างของเนื้อผ้า รวมถึงจุดประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งเราจะอธิบายโดยละเอียดในบทความนี้ เพื่อให้คุณเข้าใจว่าเหตุใดจึงไม่ควรใช้ผ้าตัดเสื้อทั่วไปมาทำม่าน หรือในทางกลับกัน
ความแตกต่างด้าน “น้ำหนักของผ้า”
น้ำหนักของผ้า gsm = grams per square meter อ่านบทความเรื่องนี้
ประเภทผ้า | น้ำหนักเฉลี่ย (gsm) | คำอธิบาย |
---|---|---|
ผ้าม่านโปร่ง Sheer | 50–90 gsm | เบามาก โปร่งแสง เน้นการกรองแสงและพรางสายตา |
ผ้าม่านทึบ (ทั่วไป) Curtain | 150–300 gsm | หนากว่าผ้าเสื้อผ้า เพื่อกันแสงและเพิ่มความเป็นส่วนตัว |
ผ้าม่านกันแสง Dim-out Curtain | 250-350 gsm | หนากว่าผ้าม่านปกติ มีการทอสอดเส้นได้สีดำเพื่อเพิ่มความสามารถในการกันแสง |
ผ้าม่านทึบแสง Blackout Curtain | 300–450 gsm | หนาและหนักกว่าผ้าม่านปกติ มีชั้นเคลือบหรือซ้อนหลายชั้นเพื่อกันแสง 100% |
ผ้าเสื้อ (ทั่วไป) Clothing | 100–200 gsm | น้ำหนักขึ้นอยู่กับชนิดผ้า (เช่น คอตตอน, โพลีเอสเตอร์, ลินินฯลฯ) |
ความหนา และหน้าผ้ากว้าง
ผ้าสำหรับทำม่านมักจะมีความหนาและหน้าผ้ากว้าง ตั้งแต่ 135 – 320 ซม. ซึ่งช่วยลดรอยต่อระหว่างผืนเมื่อเย็บม่าน ทำให้ม่านดูเรียบ สวย และประหยัดแรงในการตัดเย็บ ในขณะที่ผ้าตัดเสื้อส่วนใหญ่มักมีหน้ากว้างแค่ 100-150 ซม. และความหนาก็ไม่มากพอที่จะบังแสงหรือให้ความเป็นส่วนตัว

คุณสมบัติในการกันแสง
ยกตัวอย่าง ผ้า Dimout: สามารถกันแสงได้ประมาณ 80-90% เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการแสงลดน้อยลง แต่ไม่ต้องมืดสนิท เช่น ห้องนั่งเล่นหรือห้องทำงาน รวมไปถึงผ้า Blackout: กันแสงได้เกือบ 100% เหมาะสำหรับห้องนอนหรือห้องโฮมเธียเตอร์ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ไม่มีในผ้าตัดเสื้อทั่วไป
คุณสมบัติของผ้าม่านและเสื้อผ้าทั่วไป
หัวข้อ | ผ้าม่าน | เสื้อผ้าทั่วไป |
---|---|---|
วัตถุประสงค์หลัก | ตกแต่ง, กรองแสง, เพิ่มความเป็นส่วนตัว, ควบคุมอุณหภูมิห้อง | สวมใส่เพื่อความสบาย, ความงาม, การปกป้องร่างกาย |
กันแสง / กรองแสง Light blocking / Light filtering | มีทั้งแบบทึบแสงและโปร่งแสง เพื่อกรองแสงหรือกันแสง UV | บางชนิดมีการพัฒนาให้กัน UV เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด |
กันความร้อน Thermal insulation | ผ้าม่านช่วยลดความร้อนจากแสงแดด | บางชนิดช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกาย เพื่อให้ “ใส่แล้วเย็นสบาย” |
กันเสียง Sound absorption / Acoustic insulation | ผ้าหนาอาจช่วยดูดซับเสียงได้เล็กน้อย | – |
ความปลอดภัย (กันไฟลาม) Flame retardant | บางชนิดเคลือบสารกันไฟลาม ใช้ในอาคารสูงหรือสาธารณะ | – |
การระบายอากาศ Breathability | ม่านโปร่งเพื่อให้แสงและอากาศถ่ายเท | เป็นจุดเด่นสำคัญ เช่น ผ้าตาข่าย ผ้าทอโปร่ง เพื่อระบายอากาศเวลาสวมใส่ |
การแห้งเร็ว / ซับเหงื่อ Moisture-wicking / Quick-drying | – | ผ้าสมัยใหม่พัฒนาให้แห้งเร็ว ซึมซับเหงื่อได้ดี เช่น ผ้า activewear |
กันยับ Wrinkle-resistant | – | ผ้าหลายแบบกันยับ Wrinkle-free หรือไม่ต้องรีด เช่น ผ้า polyester, spandex |
ให้ความอบอุ่น / เย็นสบาย Thermal comfort / Cooling effect | ช่วยลดอุณหภูมิในห้องจากแสงแดด | เสื้อผ้าพัฒนาให้เหมาะกับฤดูกาล เช่น ผ้าใยธรรมชาติในหน้าร้อน หรือผ้าหน้าในฤดูหนาว |
ความงาม / ลวดลาย Aesthetic / Pattern design | ลวดลายเพื่อเสริมบรรยากาศห้อง สื่อรสนิยมของเจ้าของบ้าน | ลวดลาย สี และดีไซน์เพื่อแสดงบุคลิก ความชอบ และแฟชั่น |
แล้วใช้ผ้าตัดเสื้อมาทำม่านได้ไหม?
ตอบ: ทำได้ แต่อาจต้องยอมรับว่า:
- ประสิทธิภาพการกันแสงจะน้อย
- ต้องเย็บซับหลายชั้นเพื่อให้หนาพอ ซึ่งสิ้นเปลือง
- อายุการใช้งานสั้น เพราะผ้าตัดเสื้อไม่ทนแดดเท่าผ้าม่าน
แล้วถ้านำ “ผ้าม่านไปตัดเสื้อ” ล่ะ? ได้ไหม?
ตอบ: โดยทั่วไป “ไม่เหมาะสม” เพราะผ้าม่านมีความแข็ง หนา หนัก ระบายอากาศได้น้อย ใส่ไม่สบาย และอาจระคายเคืองผิว โดยเฉพาะผ้า Blackout ที่มีชั้นเคลือบอยู่ด้านหลัง
จากที่กล่าวมาแม้ผ้าจะดูเหมือนกัน แต่เบื้องหลังการออกแบบและวัตถุประสงค์การใช้งานนั้นต่างกันอย่างมาก การเลือกใช้ผ้าสำหรับทำม่านโดยเฉพาะจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ทั้งในด้านความสวยงาม ฟังก์ชัน และอายุการใช้งาน
หากต้องการผ้าม่านที่ดูดี มีคุณภาพ และใช้งานได้ยาวนาน ควรเลือกใช้แบรนด์ผ้าม่านมีที่คุณภาพอย่าง NITAS TESSILE ที่เราได้คัดสรร นำเข้ามาจากทั่วโลก เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสได้ใช้ผ้าม่านที่จะทำให้บ้านของคุณดูสมบูรณ์แบบในทุกมิติ