fbpx

TPU Backing

ผ้าเคลือบเทอร์โมพลาสติกโพลียูรีเทน (TPU ) เป็นนวัตกรรมการสร้างวัสดุคอมโพสิต (Composite materials) เพื่อเพิ่มคุณสมบัติเฉพาะให้กับเนื้อวัสดุ เป็นกระบวนการเคลือบประกบ (Laminating) ระหว่างวัสดุ 2 ชั้น เข้าด้วยกัน ในที่นี้ชั้นบนจะเป็นเนื้อผ้า และแผ่นฟิล์ม TPU ที่ถูกนำไปเคลือบด้านหลังของผ้า โดยกระบวนการเคลือบนี้กระบวนการนี้ ทำได้โดยการให้ความร้อนกับ แผ่นฟิล์ม TPU ในอุณหภูมิใกล้จุด MP (Melting point) หรือจุดที่แผ่นฟิล์ม TPU อ่อนตัวใกล้จุดหลอมเหลว จากนั้นจึงนำไปเคลือบประกบด้วยแรงกดให้ประสานกันกับเนื้อผ้า และเมื่อแผ่นฟิล์ม TPU ที่ประสานเป็นแบคกิ้งกับเนื้อผ้า เย็นลงแล้ว จะเป็นการเสริมความแข็งแรงให้กับเนื้อผ้า ในขณะเดียวกันก็ให้ความยืดหยุ่น และมาพร้อมคุณสมบัติป้องกันน้ำ และความชื้นได้ 100% ส่งผลให้ตัวเบาะฟองน้ำด้านใน สะอาดอยู่เสมอและไม่สัมผัสความชื้นโดยตรงลดโอกาสในการเกิดเชื้อราสะสมภายใน ยืดอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ตัวโปรดของคุณ

TPU (Thermoplastic Polyurethane) ขึ้นชื่อในด้านคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม เช่น ความยืดหยุ่น ความโปร่งใส ความต้านทานต่อน้ำมัน และการเสียดสี ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการใช้งานต่างๆ เมื่อใช้เป็นวัสดุเคลือบรองหลังสำหรับผ้า จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผ้าโดยให้คุณสมบัติต่างๆ เช่น การกันน้ำ ความยืดหยุ่น และความทนทาน โดยไม่กระทบต่อเนื้อผ้าหรือหน้าตาเดิมของเนื้อผ้า

The Thermoplastic Polyurethane (TPU) coating is an innovative technique used in composite material fabrication to enhance specific properties of the fabric. It involves a laminating process between two layers, where the upper layer consists of fabric and the lower layer is a TPU film applied to the back of the fabric. The coating process is achieved by heating the TPU film close to its melting point or the temperature at which the film becomes soft. Then, it’s pressed onto the fabric to bond them together. Once the TPU film cools and bonds with the fabric, it reinforces the fabric’s strength while maintaining its flexibility. Additionally, it provides 100% waterproofing and moisture resistance.

This process strengthens the fabric, ensuring that the inner foam remains clean and unaffected by direct moisture exposure, reducing the likelihood of mold accumulation. TPU, renowned for its remarkable qualities such as flexibility, transparency, oil resistance, and colorfastness, has become a popular choice in various applications. When used as a backing material for fabrics, TPU significantly enhances their performance without compromising the original look or feel of the fabric. It offers properties like water resistance, flexibility, and durability without altering the fabric’s appearance.


ตามหาผ้านิทัส ที่มีคุณสมบัติ TPU Backing ได้แล้ววันนี้ เพียงคุณสังเกตุสัญลักษณ์นี้

ผ้าที่มีคุณสมบัติ TPU Backing

ผ้าเอาท์เอร์ Outdoor Fabric: 30087 LAKE COMO, 30088 LENNO, 30089 VARENNA, 30090 BELLAGIO, 30091 LOMBARDY


ผ้า Velvet, Chenille, Corduroy, Felt, Terry ต่างกันยังไง

ก่อนอื่นเราว่า ผ้าทั้ง 5 ตัวนี้แตกต่าง หรือเหมือนกันอย่างไร เรามาดูคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้เรียกผ้าเหล่านี้กันก่อนดีกว่า

  1. ผ้ากำมะหยี่ ชื่อภาษาอังกฤษคือ Velvet
  2. ผ้าเชนิลล์ ชื่อภาษาอังกฤษคือ Chenille
  3. ผ้าลูกฟูก ชื่อภาษาอังกฤษคือ Corduroy
  4. ผ้าเทอร์รี่ หรือ ที่เรียกกันว่าขนหนู ชื่อภาษาอังกฤษคือ Terry
  5. ผ้าสักหลาด ชื่อภาษาอังกฤษคือ Felt

ผ้ากำมะหยี่ (Velvet), ผ้าเชนิลล์ (Chenile), ผ้าลูกฟูก (Corduroy), ผ้าเทอร์รี่ (Terry), และผ้าสักหลาด (Felt) เป็นชื่อผ้าประเภทต่างๆ ที่มีลักษณะเฉพาะตัว แตกต่างกันและอาจมีลักษณะบางอย่างที่ เช่นความหนานุ่มฟู มีขน ที่คล้ายกัน จนอาจทำให้หลายคนเกิดความสสับสน วันนี้ นิทัสจะพาทุกท่านไปดูถึงความแต่ต่างของผ้าแต่ละอย่างที่กล่าวมาข้างต้น


1. ผ้ากำมะหยี่ Velvet

กำมะหยี่ Velvet: เป็นผ้าที่มีขนนุ่มเรียบเงา เนื้อสัมผัสเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น และเมื่อมองในองศาที่แตกต่างกันสีสันก็จะมีมิติเข้มอ่อนต่างออกไปด้วย เริ่มแรกมักผลิตจากเส้นใยไหม เพราะเป็นเส้นใยธรรมชาติเดียวที่ให้ความเงางามที่สุด ก่อนที่มนุษย์จากผลิตเส้นใยสังเคราะห์ได้ ปัจจุบันมีทั้ง ฝ้าย (Cotton) หรือเส้นใยสังเคราะห์ เช่น Polyester ผ้ากำมะหยี่สามารถผลิตได้ทั้งการทอ (Weaving) และการถัก (Knitting) ผลิตโดยการทอผ้าเป็นสองชั้น และมีเส้นด้ายที่ทอเชื่อมระหว่างชั้นผ้า และในขั้นตอนสุดท้ายก็จะมีใบมีดมาตัดเส้นด้ายที่ทอเชื่อมระหว่างชั้นนั้นออก แบ่งผ้าได้ออยกมาเป็นสองชิ้นโดยหน้าผ้าจะประกบหันเข้าหากันในตอนทอ และเส้นด้านที่ทอเชื่อมระหว่างชั้นนั้นก้คือขนที่เรียงตัวตั้งขึ้นอย่างหนาแน่น จากการโดนตัดนั้นเอง ผ้ากำมะหยี่ให้รูปลักาณ์ที่ดูหรูหรา มักใช้เป็นผ้าหุ้มเบาะ และผ้าม่านในการตกแต่งแบบคลาสสิก มักเห็นสีที่เป็นสี Traditional อย่างสีแดง ดำ เขียว น้ำเงิน และทอง เป็นต้น

Velvet is a fabric characterized by its soft, smooth, and lustrous pile. Its distinctive tactile quality sets it apart, and when viewed from different angles, it displays a play of light and dark shades, creating a multidimensional appearance. Initially, it was often produced from silk fibers, as they naturally provided the utmost luster and beauty. However, humans have since been able to manufacture synthetic fibers for velvet, using materials such as cotton or synthetic fibers like polyester. Velvet fabric can be produced through weaving and knitting processes.

In weaving, the fabric is created in two layers with yarns interwoven between them. In the final stage, a blade cuts the interwoven yarns, separating the fabric into two pieces. The front side of the fabric faces inward during weaving, and the interwoven yarn forms a densely packed pile that creates the fabric’s luxurious appearance. Velvet fabric is commonly used for upholstery and curtains in classic interior decorations. Traditional colors like red, black, green, blue, and gold are frequently observed in velvet textiles.

รายชื่อผ้านิทัสที่เป็นเนื้อ Velvet

ม่านก็ได้บุก็ดี Dual Purpose: 30011 NEO CLASSIC, 30030 NOUVEAU, 40042 CHARLOTTE


2. ผ้าเชนิลล์ Chenille

“Chenille” เป็นคำภาษาฝรั่งเศสที่หมายถึง หนอนผีเสื้อที่มีขนฟูรอบตัว จึงกลายเป็นชื่อเรียกของเส้นด้ายชนิดพิเศษ (Fancy yarn) ประเภทหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นขนฟูๆ ปั่นตีเกียวรอบ หรือเรียกว่า เส้นด้ายเชนิลล์ (Chenille yarn) สามารถผลิตจาก ฝ้าย (Cotton) ไหม (Silk) ขนสัตว์ (Wool) หรือเส้นใยสังเคราะห์ จากนั้นนำเส้นด้ายดังกล่าวมาเข้าสู่กระบวนการทอปกติ เนื้อผ้าที่ได้ ก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม คล้ายกับผ้า Velvet เป็นอย่างมาก และเมื่อเปรียบเทียบกับผ้ากำมะหยี่แล้ว ในการผลิตค่อนข้างที่จะง่ายกว่า เพราะผ้า Velvet ต้องใช้เครื่องทอผ้า velvet โดยเฉพาะ ส่วนผ้าเชนิลล์ สามารถทอกับเครื่องทอตามปกติ แต่ต้องมีฟังก์ชั่นในการส่งเส้นด้าย ที่มีลักษณะใหญ่และฟูกว่าเส้นด้ายปกติ พุ่งไปกับกระสวยด้ายให้ได้ ผ้าเชนิลล์มักใช้ทำทำผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ ผ้าคลุมเตียง รวมถึงเสื้อผ้า และของตกแต่งอื่นๆ อีกด้วย

“Chenille” is a French word that refers to a caterpillar of a butterfly or moth that has fuzzy hair around its body. It has also become the name for a type of fancy yarn, a specific category of yarn characterized by its fuzzy, tufted appearance. Chenille yarn can be produced from various materials such as cotton, silk, wool, or synthetic fibers. The yarn is then processed through conventional weaving methods. The resulting fabric is distinctive, with a soft and velvety texture, often resembling velvet. In comparison to velvet, chenille fabric is relatively easier to produce because it can be woven on standard looms, although the yarn used should have a larger and fluffier characteristic. Chenille fabric is commonly used in the manufacturing of furnishings, bedspreads, clothing, and various decorative items.

Chenille plant
Chenille yarn

ลักษณะของเส้นด้ายเชนิลล์นี้ ก็คล้ายกับดอกของ ต้นหางกระรอกแดงหรือดอกหางแมว เป็นลักษณะเป็นขนๆ เกลียววนบริเวณก้าน คล้ายกับรูปถ่าย ที่ยายใหญ่เพื่อให้เห็นชัดๆ กับลักษณะของเส้นด้านเชนิลล์

The characteristics of this chenille yarn are similar to the Chenille plant/ Red hot cat’s tail. It has a furry, thread-like appearance that curls around the stem, much like the close-up image provided to clearly illustrate the characteristics of chenille yarn.

นิทัสเรามีผ้าที่เป็นเนื้อ Chenille หลากหลายตัวให้ทุกท่านได้เลือกใช้ ดังนี้


3. ผ้าลูกฟูก Corduroy

ผ้าลูกฟูกเป็นผ้าที่มีลักษณะเป็นสันนูนขนานยาวต่อกันไป คลายเส้นเชือก ทอดยาวไปตามความยาวของผ้า ซึ่งรากศัพท์ก็มาจากคำว่า Cord ซึ่งแปลว่า เชือก นั้นเอง โดยทั่วไปแล้วจะทำมาจากผ้าฝ้าย (Cotton) ผ้าลูกฟูกขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและความอบอุ่น เรามักเห็นผ้าลูกฟูก ในวงการแฟชั่น เช่น กางเกง เสื้อแจ็คเก็ต รวมถึง วงการ การตกแต่งภายใน ด้วยการนำมาหุ้มเบาะอีกด้วย เนื่องด้วยผ้าลูกฟูกนี้มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล แต่มีความทนทาน ได้รับความนิยมตามเทรนด์ตกแต่ง นับว่าเป็นผ้าคลาสสิกสำหรับทั้งด้านแฟชั่นและการตกแต่งภายใน

ผ้าลูกฟูกผลิดโดยเทคนิคการทอ (Weaving) แบบพิเศษ ที่จะทอเส้นด้ายกระโดดข้ามเป็นช่วงๆ จากนั้นก็จะมีใบมีดสอดตัวเข้ามาใต้เส้นด้ายที่ข้ามนั้นมาตัดในส่วนที่เส้นด้ายนั้นขาดออกจากกัน เกิดเป็นกลุ่มเส้นขนผ้า (Pile) ที่ตั้งและฟูขึ้น เป็นแถวแนวยาวไปตลอดผืนผ้าที่เราเห็นนั้นเอง

Corduroy is a fabric characterized by parallel, raised lines running lengthwise, achieved by weaving together twisted fibers. The term “Corduroy” originates from the word “cord,” which translates to “twisted rope” or “cord” itself. Generally, this fabric is commonly made from cotton and has gained renown for its durability and warmth. Corduroy is frequently employed in the fashion industry, such as in the production of trousers, jackets, and even in interior decoration, often used to cover cushions. Due to its soft and velvety texture, coupled with its resilience, corduroy has become a classic fabric choice for both fashion and interior design trends.

The production of corduroy involves a specialized weaving technique, where yarns intermittently skip over one another. Subsequently, a blade is inserted beneath these skipped yarns to cut and separate them, resulting in the formation of raised tufted ridges running lengthwise across the fabric. These raised ridges form a pattern of alternating parallel lines, creating the distinctive corduroy texture visible on the fabric.


4. ผ้าเทอร์รี่ Terry

ผ้าเทอร์รี่ (Terry): ผ้าเทอร์รี่ มีทั้งที่เป็นผ้าทอ เรียกว่า Terry cloth และผ้าจากการถัก French Terry หรือที่เรียกว่า ผ้าเกล็ดปลา

4.1 ผ้าเทอรี่ (Terry cloth) เป็นผ้าทอ (Woven) ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีที่สุดคือ ผ้าขนหนู นั้นเองเป็นที่ทอโดยมีเส้นด้านลอยตัวขึ้นห่วงทั้งสองด้านทำให้ดูดซับน้ำได้ดี มักทำจากผ้าฝ้าย (Cotton) มักเห็นในผ้าเช็ดตัว เสื้อคลุมอาบน้ำ เป็นต้น

Terry cloth refers to a woven fabric that is recognized for its looped pile construction, commonly known as Terry cloth, and a knitted fabric known as French Terry or sometimes referred to as fish-scale fabric.

When discussing woven Terry cloth, the most familiar variant is the terrycloth towel, woven with loops on both sides that allow for excellent water absorption. It’s often made from cotton and is frequently found in bath towels, bathrobes, among other items used for drying purposes.

4.2 ผ้าเฟรนช์เทอร์รี่ (French Terry) เป็นผ้าที่เกิดจากการถัก (Knitting) โดยใช้เครื่องถักแบบพิเศษ โดยด้านหนึ่งจะมีรูปแบบเหมือนผ้ายืด เหมือนเสื้อยืดทั่วไป แต่ด้านหลังผ้าจะมีเส้นด้ายยาวออกมาเป็นห่วง มองจากด้านหลังผ้าเส้นด้านที่เป็นห่วงล้มซ้อนๆ กันคล้ายกับเกร็ดปลา คนไทยจึงเรียกผ้านี้ว่า ผ้าเกล็ดปลาโดยเห็นได้ทั่วไปจะใช้ในชุดลำลอง เช่น เสื้อสเวตเตอร์ และเสื้อผ้าสำหรับเล่นกีฬา เป็นต้น

French Terry fabric is a knitted textile produced using specialized knitting machines. One side of the fabric resembles typical stretchy knit fabric, similar to that of regular T-shirts. However, the other side of the fabric features long, looped threads that form a piled surface, resembling fish scales when viewed from the back due to the overlapping loops. In Thailand, this fabric is commonly referred to as “fish scale fabric.” It is widely used in loungewear sets, such as sweatshirts, as well as in sportswear garments, among other clothing items.


5. สักหลาด Felt

สักหลาด (Felt): สักหลาดเป็นผ้าไม่ถักไม่ทอ (Nonwoven) ที่ทำโดยการปูเส้นใยไปมา ให้มีความหนาช่วงหนึ่ง จากนั้นใช้แรงดันกดบีบอัด พร้อมด้วยความร้อนให้กลายเป็นแผ่น เริ่มแรกนิยมผลิตขนสัตว์เป็นวัสดุแรกๆ ในปัจจุบัน ผ้าสักหลาด ส่วนใหญ่ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์ (Polyester) หรืออะคริลิค (Acrylic) สักหลาดมักเห็นในหลากหลายการนำไปใช้ เช่น งานฝีมือ หมวก กระเป๋า รองเท้า พรมอัด และเป็นวัสดุรองในวัสดุบางชนิด เป็นต้น

Felt is a nonwoven fabric created by interlocking fibers and compressing them under pressure and heat, rather than weaving or knitting. Historically, it was initially made from animal hair, but modern felts are predominantly manufactured using synthetic fibers such as polyester or acrylic. Felt finds application in various fields including handicrafts, hats, bags, shoes, pressed carpets, and as an underlying material in certain products.


HOSPITAL SPA ผ้าม่านโปร่ง

90039 HOSPITAL SPA

สิ้นสุดการรอคอยกับ นวัตกรรมผ้าโปร่งที่ออกแบบโครงสร้างการถักทอแบบพิเศษ ให้สร้างความเป็นส่วนตัว แต่ถ่ายเทอากาศได้ดี “กั้นห้อง ไม่กั้นแอร์”

มาพร้อมคุณสมบัติพิเศษ

  • Anti Bacterial ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ตอบโจทย์สำหรับห้องที่ต้องการความพิถีพิถันเรื่องความสะอาด เช่น สถานพยาบาล สปา และห้องสำหรับดูแลผู้สูงอายุ
  • Flame retardant กันไฟลาม คุณสมบัติพื้นฐานสำหรับผ้าม่านที่ใช้กับพื้นที่สาธารณะ อาคารสูง/คอนโดมิเนียม และที่อยู่อาศัยที่มีเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ
  • Water Repellent สะท้อนน้ำ คุณสมบัติที่ช่วยยืดอายุการใช้ให้กับผ้า
  • AirFlow มีช่วงการถักทอเป็นตาข่ายขนาดใหญ่กว้างถึง 60 เซนติเมตรที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดีเยี่ยม โดยยังให้ความเป็นส่วนตัวแบบผ้าม่านปกติ

คุณลักษณะ

  • เทคโนยีการถักทอแบบพิเศษ สามารถถักเป็นช่วงทึบ และเป็นตาข่ายโปร่งได้ ในผืนเดียว ช่วยประหยัดต้นทุนไม่ต้องเย็บต่อระหว่างผ้าทึบ และผ้าโปร่งแบบตาข่ายอีกต่อไป
  • นิทัสเรามีให้เลือกถึง 9 สี ครบจบทุกสไตล์การตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็น สปา, โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นห้องทั่วไป ห้องผู้ป่วยเด็ก เป็นต้น
  • ผ้าหน้ากว้างถึง 280 เซนติเมตร ใช้กับห้อง เพดานสูง 240-270 เซนติเมตร ได้สบายโดยไม่ต้องดรอปราง
  • ดูแลรักษาง่าย สามารถนำไปซักเครื่องซักผ้าได้ ในอุณภูมิน้ำปกติ รีดในอุณหภูมิต่ำ และส่งซักแห้งได้

เหมาะกับ

  • สถานพยาบาล, โรงพยาบาล, คลีนิค ใช้กั้นระหว่างเตียงผู้ป่วย
  • สถานเสริมความงาม, สปาใช้กั้นระหว่างเตียงนวด, ร้านตัดผมในส่วนสระผม
  • กั้นแบ่งพื้นที่เป็นห้องสำหรับดูแลผู้สูงอายุ กั้นรอบเตียงนอนของผู้สูงอายุ


ม่านแดงโรงละครในอุดมคติ

“โลกคือละคร ทุกตอนต้องแสดง ทุกคนทนไป อย่าอาลัย ยิ้มกันสู้ไปจะได้สบาย สุขกันเถอะเรา”

ใครที่อยากแต่งบ้านให้ผ้าม่านเหมือนอยู่ในโอเปร่า ในโรงละคร หรือทำเป็นโฮมเธียเตอร์ในบ้าน วันนี้นิทัส เทสซิเล เรามีผ้าเนื้อ Velvet หรือที่เรียกว่า ผ้ากำมะหยี่ สีแดงในอุดมคติของโรงละคร รวมถึงสีดำคลาสสิกใช้ง่าย และสีอื่นๆ ให้เลือกมากมาย เช่น

  • 30011 NEO CLASSIC เป็นเนื้อ Matt ไม่เงา ได้ลุคทันสมัย
  • 30030 NOUVEAU เงางามตามต้นฉบับของผ้า Velvet หรูหรา

พร้อมคุณสมบัติกันไฟลาม Flame Retardant: CA TB 117 ทั้งสองตัว และผ่านการทดสอบการขัดถู Abrasion Resistant ที่มากกว่า 35,000 ซึ่งสามารถใช้ได้กับพื้นที่สาธารณะ เช่น พื้นที่ต้อนรับของโรงแรม สถานีขนส่งสาธารณะ ฉนั้นผ้าทั้งสองตัวนี้มีความแข็งแรงมากเกินพอ ที่จะนำมาบุเป็นเฟอร์นิเจอร์ตัวโปรดในบ้าน ทั้งยังสามารถเย็บเป็นผ้าม่านที่ทิ้งตัวดี ให้ลอนที่สวย และคุณสมบัติลับอีกอย่างหนึ่งของผ้ากำมะหยี่ เป็นผ้าที่มีเนื้อเป็นขนๆ ฟูๆ มีความหนากว่าเนื้อผ้าม่านปกติ จึงมาพร้อมคุณสมบัติที่สามารถซับเสียงได้ในระดับหนึ่ง ช่วยลดเสียงก้อง เสียงสะท้อน ได้อีกด้วย นิยมมากสำหรับคนที่จะทำ มินิโฮมเธียเตอร์ในบ้าน

สามารถ คลิกที่ตัวผ้า เพื่อดูสีอื่นๆได้


Night Curtain

คนที่ตามหา “ผ้าโปร่งที่ไม่โปร่ง ผ้าทึบที่โปร่ง” หรือที่เรียกว่า “Night Curtain” ผ้าม่านที่เป็นที่นิยมมาก ในการตกแต่งในต่างประเทศ หรือบางคนที่ชอบดูการตกแต่งจาก Pinterest ที่ความต้องการแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้อง แต่ไม่ต้องการ การมองเห็นผ่านเข้ามาภายใน เรียกได้ว่าเป็นผ้ากึ่งทึบกึ่งโปร่ง

คุณประโยชน์โดนรวม

  • ประหยัดกว่าผ้าม่าน 2 ชั้น ถึง 40%
  • ผ้าหน้ากว้างพิเศษถึง 320 ซม. สามารถใช้กับห้องที่เพดานสูง 250-285 ซม. ประหยัดกว่าการใช้ผ้าหน้ากว้างปกติ (130-150 ซม.) ถึง 30% เลยทีเดียว
  • ได้ความเป็นส่วนตัว เพราะไม่บางจนเกินไป มองทะลุผ่านได้
  • ได้แสงธรรมชาติ ห้องสว่าง ประหยัดค่าไฟในช่วงกลางวัน
  • ถ่ายรูปยังไงก็สวย ได้แสงผ่านเหมือนมีซอฟบ๊อกในสตูดิโอ
  • ทิ้งตัวดี ให้ลอนที่สวย
  • ที่สำคัญผ้าตัวนี้มีคุณสมบัติกันไฟลาม อีกด้วย สามรถใช้ได้กับอาคารสูง ตามกฎหมายอาคารสูงที่ต้องใช้วัสดุ ที่มีสามารถหน่วงไฟได้

ครบจบในตัวเดียว จัดไปเลย 90034 BRUNELLO สีเบอร์ 101 WHITE

เส้นใยโอลีฟิน (Olefin) ในผ้าเอาท์ดอร์คืออะไร

เป็นเส้นใยสังเคราะห์ที่ประกอบด้วยโพลิเมอร์ของ Polyethylene หรือ polypropylene มีคุณสมบัติ เหนียว แข็งแรงทนทานต่อการขัดสีได้ดี ไม่หด ไม่ยับง่าย มีน้ำหนักเบา ดูดความชื้นไม่ได้ ทนต่อกรดและ ด่างได้ดี แต่ไม่ทนต่อ Chlorinated hydrocarbon ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำยาซักแห้งบางชนิด เช่น Perchlorethylene ผ้าที่ผลิตจากเส้นใยโอลีฟิน ซักทำความสะอาดง่ายไม่ต้องรีด

เปรียบเทียบคุณสมบัติของชนิดเส้นใย ที่มักนำมาผลิตเป็นผ้าเอาท์ดอร์

คุณสมบัติPolyesterOlefinAcrylic
น้ำนัก
Weight
ปานกลางเบาปานกลาง
ความถ่วงจำเพาะ
Specific Gravity
1.38 (จมน้ำ)0.91 (ลอยน้ำ)1.17 (จมน้ำ)
ความแข็ง
Hardness
ปานกลางนุ่มนุ่ม
ความยืดหยุน
Flexibility
มากปานกลางน้อย
ความทนต่อความร้อน
Heat Resistance
สูงปานกลางต่ำ
ความสามารถในการหน่วงไฟ
Flame Retardant
ต่ำปานกลางสูง
ความทนทานต่อสารเคมี
Chemical Resistance
สูงปานกลางต่ำ
การดูดซับความชื้น
Moisture Absorption
มากปานกลางน้อย
ความสามารถในการระบายความชื้น
Moisture Wicking
น้อยมากมาก
ความต้านทานต่อการขัดถู
Abrasion Resistance
สูงปานกลางต่ำ
ค่าเสื่อมสภาพต่อการใช้งาน
Durability
มากปานกลางน้อย
ความคงทนทานต่อการซัก
Washability
มากปานกลางน้อย
ความซีดจางของสีต่อแสง
Colorfastness to Light
มากปานกลางน้อย

คุณสามารถพบผ้าเอาท์ดอล์ของนิทัส เทสซิเล โดยการสังเกตุสัญลักษณ์นี้


ผ้าเอาท์ดอร์ของนิทัส

ผลิตจากเส้นใย Polyeste

ผลิตจากเส้นใย Olefin

10725 SUNNY, 10726 SUNNY, 10727 SUNNY, 10728 SUNNY, 30035 CRUISES, 30070 ISTANBUL, 30071 GALATA, 30072 TOPKAPI, 30073 BOSPHORUS

ผลิตจากเส้นใย Acrylic

30006 ALFRESCO, 30007 PLAYGROUND


ม่านเปิดทางเดียวหรือม่านแยกกลางดี

แบบไหนที่นิทัสเราแนะนำ ไปดูกันเลย


A หน้าต่าง บานฟิกซ์


B หน้าต่างหรือประตู บานฟิกซ์ 1 บานสไลด์ 1


C หน้าต่างหรือประตู บานสไลด์ 2


D หน้าต่างหรือประตู บานฟิกซ์ 2 บานสไลด์ 1


E หน้าต่างหรือประตู บานฟิกซ์ 1 บานสไลด์ 2


F หน้าต่างหรือประตู บานฟิกซ์ 2 บานสไลด์ 2


Repeat คืออะไร และวัดยังไง

ว่าด้วยการออกแบบลวดลายนั้น โดยปกติ จะมีการออกแบบลวดลายอยู่ 2 ประเภท คือ

  1. ลวยลายแบบไม่ต่อลาย (Individual Design) คือจะเป็นลวดลายที่สร้างสรรค์ขึ้นมาแบบเดี่ยวๆ แยกกัน หรือเป็นกลุ่มลายที่ไม่ต่อเนื่องกัน เมื่อนำมาต่อกันก็จะเป็นลักษณะ เป็นกลุ่มๆ ที่ซ้ำกันเหมือนเราปูกระเบื้องที่ลวดลายไม่ต่อเนื้องกัน

2. ลายแบบต่อเนื่องกัน (Repeat Pattern Design) เป็นลวดลายที่ออกแบบโดยเฉพาะให้มีความต่อเนื่อง เมื่อเรานำลายมาชนต่อกันแล้ว ทั้งซ้าย-ขวา, บน-ล่าง ลวดลายนั้นก็จะต่อเนื้องสม่ำเสมอกันทั้งหมด

ตัวอย่างลาย 1 Repeat
ที่อย่าลายที่ออกแบบมาให้ต่อเนื่องกัน

การสังเกตุ และวัดระยะของลายผ้า Repeat ทำได้อย่างไร? จริงๆ เป็นสิ่งที่ง่ายมากๆ โดยเราจะหาจุดสังเกตุจุดใดก็ได้ของลายผ้าที่เด่นชัด เช่นตามตัวอย่างรูปด้านล่าง เราจะเอาปลายก้านของช่อดอกนั้นเป็นตำแหน่งหลักในการวัดระยะ

สังเกตุจากจุดหลักตั้งต้น และมองหาจุดที่ลายผ้านั้นซ้ำกัน มองไปทิศทางซ้ายไปขวา คือค่าความกว้าง (Width) และในส่วนของแนวตั้ง (Height) จากจุดที่ลายผ้าซ้ำกัน เราก็จะได้ขนาดของ Repeat ผ้านั่นเอง


ความสำคัณของ Repeat คือ ในการตัดเย็บผ้าม่าน หรือผ้าบุโซฟาตัวใหญ่ ที่ต้องมีการต่อลายให้ลวดลายต่อเนื่องกัน ฉะนั้น การรู้ตัวเลขของระยะซ้ำของลายผ้านั้นก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะต้องใช้ในการคำนวนผ้าเพื่อให้ระยะการต่อลวดลายลงตัว

รูปตัวอย่าง การต่อผ้าของผ้าม่าน

ในกรณีผ้าม่านที่ไม่มีลวดลายหรือเป็นเพียงเท็กเจอร์เล็กๆ ในลายผ้านั้น ก็จะไม่มีปัญหาในลายผ้าแต่อย่างใด เพราะลายนั้นมันเล็กเกินกว่าจะสังเกตุได้ว่าไม่ต่อเนื่องกัน

ตัวอย่างลวดลายผ้าเมื่อกางออกมาจากม้วนผ้า
ตัวอย่างการต่อลายผ้าโดยไม่ได้คำนวนเผื่อระยะ Repeat ตะเข็บรอยต่อลวดลายจะไม่ต่อเนื่องกัน
ตัวอย่างการต่อลายผ้าโดยรู้ระยะของ Repeat ผ้า ตะเข็บรอยต่อลวดลายจะต่อเนื่องกันสวยงาม

ดรอปฝ้าซ่อนราง และกล่องบังราง ต้องเว้นระยะเท่าไหร่

หลายคนที่เคยแต่งบ้าน แล้วสังเกตุการติดตั้งม่าน แล้วทำไมรู้สึกว่า บ้านตัวอย่าง หรือบ้านเพื่อนที่เราไปเที่ยวหา ทำไมผ้าม่านนั้นดูสวยลงตัว เป็นส่วนหนึ่งของบ้านได้ดี สิ่งที่สำคัญคือ การดรอปฝ้า  (Drop Ceiling) ซ่อนรางม่านและหัวม่านยังไงละ แต่สำหรับบางบ้านที่ไม่ได้วางแผนกับการดรอปฝ้าไว้ตั้งแต่แรก หรือไม่อยากรื้อให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็มีวิธีการแก้ไขโดยการ เสริมกล่องบังราง (Curtain Cornice, Pelmet) แล้วทั้งสองอย่างนี้ เค้าเว้นระยะกันเท่าไหร่ ไปดูกันเลย

ตัวอย่างห้องที่มีการออกแบบในการดรอปฝ้า

สำหรับลูกค้าบ้าน ถ้าต้องการดรอปฝ้า ควรปรึกษาเรื่องแบบบ้าน ตั้งแต่แรกก่อนสร้างบ้าน เพราะต้องกำหนดระยะความสูงจากพื้นถึงฝ้าตั้งแต่แรก เพราะถ้าไม่ได้กำหนดไว้ ในการปรับปรุงตกแต่งที่หลังอาจส่งผลให้ระดับฝ้าจะต่ำกว่าปกติ ทำให้รู้สึกอึดอัด งานส่วนนี้ ต้องปรึกษา และทำด้วยผู้รับเหมาตกแต่งบ้านที่เชี่ยวชาญ ร้านม่านโดยทั่วไปมักทำในส่วนนี้ไม่ได้ นะครับ


ตัวอย่างการแก้ปัญหาด้วยการเสริมกล่องม่านบังราง

สำหรับงานเสริมกล่องบังรางนั้น เป็นงานเสริม เพิ่มความสวยงานโดยไม่ได้ไปยุ่งกับระดับของตัวฝ้าเพดานเดิม สามารถบอกทางร้านม่านเลยตั้งแต่แรกว่าต้องการทำสิ่งนี้ด้วย เพื่อง่ายต่อการคำนวนและเข้าวัดพื้นที่ได้อย่างถูกต้อง และงานส่วนนี้ร้านม่านทั่วไปสามารถทำได้


โดยทั่วไปแล้วการตัดเย็บผ้าม่านสำหรับรางสไลด์ มักตัดเย็บกันในสองรูปแบบ 1. แบบคลาสสิกคือ ม่านสามจีบ 2. แบบโมเดิร์น คือแบบลอน S ซึ่งรูปแบบการตัดเย็บทั้งสองแบบมีผลกับการเว้นระยะห่างอย่างยิ่ง เพราะม่านสามจีบมีการเก็บช่วงลอนของม่านเป็นในรูปแบบจีบแล้ว ซึ่งจะทำให้กินระยะน้อยว่าม่านลอน S ที่มีช่วงลอนโค้งกินไปทางหน้าและหลังที่เท่าๆ กัน

แล้วการเว้นระยะห่างจากผนังถึงขอบของฝ้าเป็นระยะเท่าไหร่ หรือการเสริมกล่องม่านต้องเว้นเท่าไหร่ ก็ไปดูกันเลย

หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ช่วยให้หลายท่านวางแผนในการออกแบบตกแต่งภายใน ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องผ้าม่านได้ไม่มากก็น้อยนะครับ