Dye Class vs Dye Method

  • Dye Class (ชนิดสีย้อม): หมายถึง ประเภทของสีย้อม ที่ถูกจัดกลุ่มตามคุณสมบัติทางเคมีของตัวสีย้อมเอง และความเหมาะสมในการย้อมเส้นใยแต่ละชนิด (เช่น Reactive Dye สำหรับผ้าฝ้าย, Disperse Dye สำหรับโพลีเอสเตอร์)
  • Dye Method (วิธีการย้อม): หมายถึง ขั้นตอนหรือช่วงเวลาในกระบวนการผลิต ที่นำเส้นใยหรือผ้าไปย้อมสี (เช่น Yarn Dye ย้อมตอนเป็นเส้นด้าย, Piece Dye ย้อมตอนเป็นผืนผ้า, Garment Dye ย้อมตอนเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป)

DYE CLASS

ชนิดสีย้อม คือ ประเภทของสีย้อม ที่ใช้ ตามคุณสมบัติทางเคมีของเส้นใย

ชนิดสีย้อม
ปี/ผู้คิดค้น
เส้นใยที่ใช้/ความหมายวิธีการติด/พันธะความคงทน/คุณสมบัติเงื่อนไขในการย้อม / สารที่ช่วย
CATIONIC DYE
(Basic Dye),
1856
William Henry Perkin (อังกฤษ)
เส้นใยประจุลบ (anionic): อะคริลิก, modified polyesterแรงดึงดูดประจุ (+) ของสีย้อม กับประจุ (-) บนเส้นใยสีสด สว่าง ติดทน แต่ความทนแสงต่ำกว่า Disperseย้อมที่อุณหภูมิสูง (80–100 °C) มักเติมเกลือหรือกรดอ่อนช่วยย้อม
ACID DYE,
1870
เส้นใยโปรตีน (ขนสัตว์, ไหม) และไนลอนพันธะไฟฟ้าสถิตระหว่างหมู่ –SO₃⁻ ของสีย้อม กับหมู่ –NH₃⁺ ของเส้นใยความคงทนแสงและซักดีปานกลาง–สูง สีสดใช้กรดอ่อน (pH 4–5) และอุณหภูมิ 80–100 °C
DIRECT DYE,  
1880s
เส้นใยเซลลูโลส (ฝ้าย, เรยอน)ยึดเกาะด้วยพันธะไฮโดรเจน และแรง Van der Waals กับเส้นใยความคงทนต่ำกว่าสี Reactive และ Vat แต่ย้อมง่าย ราคาถูกต้องใช้ เกลือ (NaCl หรือ Na₂SO₄) ช่วยผลักสีย้อมเข้าสู่เส้นใย อุณหภูมิ 80–100 °C
VAT DYE,
1901
Adolf von Baeyer (เยอรมนี)
เส้นใยเซลลูโลส เช่น ฝ้าย และ เดนิม (Indigo)สีย้อมถูกรีดิวซ์เป็น leuco form (ไม่มีสี) ละลายน้ำได้ ซึมเข้าเส้นใย แล้วออกซิไดซ์กลับเป็นสีจริงความคงทนแสงและซักสูงมาก ที่สุดในบรรดาสีย้อมทั้งหมดใช้ สารรีดิวซ์ Na₂S₂O₄ และ ด่าง NaOH ช่วยละลาย ก่อนออกซิไดซ์ด้วยอากาศ
DISPERSE DYE,
1920S
เส้นใยสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์ อะซีเตต ไนลอนสีย้อมไม่ละลายน้ำ กระจายตัวด้วย dispersing agent เข้าสู่เส้นใยด้วยการแพร่ให้สีสด ความคงทนแสงดี ใช้ได้ดีที่สุดกับโพลีเอสเตอร์ต้องใช้อุณหภูมิสูง (130 °C ใน หม้อแรงดัน HT dyeing) หรือใช้ Carrier ที่ 100 °C
REACTIVE DYE,
1954
บริษัท ICI (อังกฤษ)
เส้นใยเซลลูโลส (ฝ้าย, เรยอน, ลินิน) และเส้นใยโปรตีน (ขนสัตว์, ไหม)เกิดพันธะโควาเลนต์ (covalent bond) ระหว่างหมู่ –OH หรือ –NH₂ ของเส้นใย กับสีย้อมความคงทนสูง ทั้งแสงและการซัก สีสดมากต้องใช้ ด่าง (เช่น Na₂CO₃ หรือ NaOH) เพื่อเปิดหมู่ –OH ให้เกิดปฏิกิริยา

สรุปหลักการย้อมและคำศัพท์เคมีพื้นฐาน

การย้อมผ้าคือการทำให้สีย้อมเข้าไปยึดติดกับเส้นใยอย่างถาวร ซึ่งอาศัยหลักการทางเคมีที่แตกต่างกันไปตามประเภทสีย้อมและเส้นใย

หลักการ/สภาวะคำอธิบายหลักการย้อม
แรงประจุบวก–ลบ
Cationic Dye (+),
Acid Dye (–)
อาศัยแรงดึงดูดระหว่างประจุไฟฟ้าตรงข้ามกัน (Ionic Bond)
ควบคุมสภาวะ กรด/ด่าง
Acid Dye (ต้องใช้กรด), 
Reactive Dye (ต้องใช้ด่าง)
สภาวะ pH ที่เหมาะสมจะช่วยเปิดหมู่ฟังก์ชันในเส้นใยหรือทำให้สีย้อมทำปฏิกิริยาได้
รีดิวซ์ + ออกซิไดซ์
(Vat Dye)
ต้องเปลี่ยนรูปสีย้อมที่ไม่ละลายน้ำให้เป็นรูปละลายน้ำได้ (Leuco form) ก่อน จึงค่อยเปลี่ยนกลับเป็นรูปไม่ละลายน้ำในเส้นใย
พันธะโควาเลนต์
(Reactive Dye)
การสร้างพันธะเคมีถาวรระหว่างสีย้อมกับเส้นใย ทำให้สีติดทนทานที่สุด

คำศัพท์เคมีและสารช่วยย้อมที่สำคัญ (Auxiliary Chemicals)

สารเคมี
ชื่อไทย / ชื่อสามัญ
หน้าที่และการทำงานในการย้อม
NaCl
โซเดียมคลอไรด์ (เกลือแกง)
(Sodium Chloride) 
Electrolyte (อิเล็กโทรไลต์): ลดแรงผลักระหว่างสีย้อมประจุลบ (ส่วนใหญ่) กับเส้นใย → ช่วยดันสีย้อมให้ซึมเข้าเส้นใยฝ้าย
NaOH
โซเดียมไฮดรอกไซด์ (ด่างเข้มข้น)
(Sodium Hydroxide)
ด่างควบคุม pH: ปรับสภาวะให้เป็นด่างเข้มข้น → จำเป็นสำหรับกระบวนการ รีดิวซ์ ของ Vat Dye และใช้ในการย้อม Sulfur Dye
Na₂SO₄ 
โซเดียมซัลเฟต
(Sodium Sulfate)
(Glauber’s salt)
Electrolyte เช่นเดียวกับ NaCl ใช้เพื่อช่วย ดันสีย้อมเข้าเส้นใย มักใช้ใน Reactive Dye และ Direct Dye บนฝ้าย
Na₂S₂O₄ 
โซเดียมไดไธโอไนต์
(Sodium Dithionite)
สารรีดิวซ์ (Reducing agent): ใช้เฉพาะใน Vat Dye → เปลี่ยน Vat Dye ให้เป็น Leuco form (ละลายน้ำได้)
Na₂CO₃
โซดาแอช
(Sodium Carbonate)
สารด่าง (Alkali agent): ปรับ pH ให้เป็นด่าง → เปิดหมู่ −OH บนเส้นใยฝ้าย เพื่อให้ Reactive Dye สร้างพันธะโควาเลนต์ได้

คำศัพท์เฉพาะทางเคมีสิ่งทอ

คำศัพท์ความหมายและบทบาท
LEUCO FORM
ลู-โค ฟอร์ม
รูปที่ถูกรีดิวซ์ของสีย้อม Vat Dye (เช่น คราม) → เป็นรูปที่ ละลายน้ำได้ และ ไม่มีสี/สีจาง → ทำให้สีย้อมสามารถ ซึมเข้าสู่เส้นใย ได้ เมื่อโดนอากาศจะ ถูกออกซิไดซ์ กลับเป็นรูปสีเข้มที่ไม่ละลายน้ำและติดแน่นในเส้นใย
COVALENT BOND
โค-เว-เลินท์ บอนด์
พันธะโควาเลนต์ → พันธะที่เกิดจากการ แชร์อิเล็กตรอนร่วมกัน เป็นพันธะเคมีที่ แข็งแรงและถาวรที่สุด ในการย้อมผ้า →ทำให้ Reactive Dye ติดทนถาวร กับเส้นใยฝ้าย
−SO3−​
(Sulfonate group)
ซัล-โฟ-เนต กรุ๊ป
หมู่ซัลโฟเนต → หมู่เคมีที่มักพบในสีย้อม (เช่น Acid/Direct/Reactive Dye) → มีคุณสมบัติทำให้สีย้อมมี ประจุลบ (–) และ ละลายน้ำได้ดี
−NH3+​
(Protonated amine group)
โพร-โท-เน-เต็ด อะ-มีน กรุ๊ป
หมู่แอมโมเนียม → หมู่ที่เกิดจาก Amine group (–NH2​) บนเส้นใยโปรตีน (Wool, Silk) หรือไนลอน เมื่ออยู่ในสภาวะกรด →ทำให้เส้นใยมี ประจุบวก (+) พร้อมที่จะจับกับ Acid Dye
ELECTROLYTE
อิ-เล็ก-โทร-ไลต์
อิเล็กโทรไลต์ → สารที่แตกตัวเป็นไอออน (Na+,Cl−) เมื่อละลายน้ำ → ในการย้อมผ้าจะใช้เพื่อ ควบคุมความเร็วและปริมาณการย้อม โดยเฉพาะการย้อมฝ้ายด้วยสีย้อมที่มีประจุลบ


DYE METHOD

วิธีการย้อม คือ ขั้นตอน/ช่วงเวลาที่นำเส้นใยหรือผ้าไปย้อม

ประเภทความหมายความคงทนของสี / คุณสมบัติ
SOLUTION DYE
(Dope Dyed)
โซลูชัน-ดาย (โดป-ดายด์)
ผสม pigment ลงใน polymer melt ก่อนปั่นเส้นใย สีฝังในโครงสร้าง ทน UV, ซัก, คลอรีน และสภาพกลางแจ้งสูงสุด ใช้กับ outdoor fabric
FIBRE DYE
ไฟเบอร์-ดาย
ย้อมตั้งแต่ยังเป็นเส้นใยก่อนปั่นได้สีที่แทรกทั่วเส้นใย เฉดสีแบบ Heather look
YARN DYE
ยาร์น-ดาย
ย้อมเป็นเส้นด้ายก่อนทอทำให้ได้ลวดลายทอชัด เช่น Tartan, Gingham, Denim
PIECE DYE
พีซ-ดาย
ย้อมทีหลัง หลังจากทอเป็นผ้าเสร็จ ต้นทุนต่ำ เหมาะกับผ้าสีพื้น แต่ความทนแสงต่ำกว่า Solution Dye
GARMENT DYE
การ์เมนท์-ดาย
ย้อมเสื้อผ้าสำเร็จรูป ได้ลุควินเทจ, ซีด, สีไม่สม่ำเสมอ (intended effect)

สรุป

  • Dye Class (Cationic, Reactive, Disperse ฯลฯ) = ชนิดของสีย้อม (ทางเคมี)
  • Dye Method (Solution dye, Yarn dye ฯลฯ) = วิธีการย้อม (ขั้นตอนผลิต)