Dye Class vs Dye Method

เปรียบเทียบ Dye Class (ชนิดสีย้อม) vs Dye Method (วิธีการย้อม) ดังนี้

DYE CLASS

(ชนิดสีย้อม) คือ ประเภทของสีย้อม ที่ใช้ ตามคุณสมบัติทางเคมีของเส้นใย

ประเภทสีย้อม (Dye Class)ความหมายความคงทนของสี คุณสมบัติ
Cationic Dye (Basic Dye), 1856
William Henry Perkin (อังกฤษ)
สีย้อมประจุบวก ใช้กับเส้นใยอะคริลิก, modified polyester, cationic dyeable polyesterสีสด สว่าง ติดทน แต่ความทนแสงต่ำกว่า Disperse
Acid Dye, 1870ใช้กับเส้นใยโปรตีน (ขนสัตว์, ไหม) และไนลอนความคงทนแสงและซักสูงมาก แต่กระบวนการย้อมซับซ้อน
Vat Dye, 1901
Adolf von Baeyer (เยอรมนี)
ย้อมในสารรีดิวซ์แล้วออกซิไดซ์บนเส้นใย เช่น Indigo สำหรับเดนิมความคงทนแสงและซักสูงมาก แต่กระบวนการย้อมซับซ้อน
Disperse Dye, 1920sสีย้อมที่กระจายตัว ใช้กับโพลีเอสเตอร์, ไนลอน, อะซิเตทใช้ได้กับเส้นใยสังเคราะห์เกือบทุกชนิด ทนซักดี แต่ทนแสงปานกลาง
Reactive Dye, 1954
บริษัท ICI (อังกฤษ)
เกิดพันธะเคมีกับเส้นใยเซลลูโลส (ฝ้าย, เรยอน, ลินิน) และโปรตีน (ขนสัตว์)ความคงทนต่อการซักดีมาก สีหลุดยาก แต่ราคาสูง
Direct Dye, 1880s ใช้กับฝ้าย/เรยอน ย้อมง่าย ราคาถูก ดูดซึมตรง ๆความคงทนซักต่ำ ต้องใช้สารช่วยฟิกซ์สี

วิธีการยึดติดของสีย้อมกับเส้นใย

ประเภทวิธีติดกับเส้นใยเงื่อนไขการย้อม / สิ่งที่ช่วย
Cationic Dye
(Basic Dye)
อาศัยแรงดึงดูดประจุ (+) ของสีย้อม กับประจุลบ (–) บนเส้นใยอะคริลิกที่มีหมู่ anionicใช้น้ำอุ่น–ร้อน (80–100 °C) มักเติมเกลือ/กรดอ่อนช่วยยึด
Disperse Dyeไม่ละลายน้ำ ซึมเข้าสู่เส้นใยโพลีเอสเตอร์/ไนลอนโดยการกระจายตัวต้องใช้อุณหภูมิสูง (130 °C ขึ้นไป) จึงใช้ หม้อแรงดัน (HT dyeing) หรือ Carrier ที่ 100 °C
Reactive Dyeเกิดพันธะโควาเลนต์กับเส้นใยเซลลูโลส (ฝ้าย, เรยอน, ลินิน) และโปรตีน (ขนสัตว์)ต้องมี ด่าง (alkali เช่น โซดาแอช, NaOH) เพื่อเปิดหมู่ –OH ของฝ้ายให้ทำปฏิกิริยา
Direct Dyeดูดซับตรงเข้าสู่เส้นใยเซลลูโลส โดยอาศัยพันธะไฮโดรเจนและ Van der Waalsใช้เกลือแกง (NaCl, Na₂SO₄) เป็นตัวช่วยดันสีย้อมเข้าสู่เส้นใย อุณหภูมิ 80–100 °C
Acid Dyeอาศัยพันธะประจุ (–SO₃⁻ ของสีย้อมกับ –NH₃⁺ ของเส้นใยโปรตีน/ไนลอน)ต้องใช้น้ำ กรดอ่อน (pH 4–5) อุณหภูมิ 80–100 °C
Vat Dyeย้อมในรูปรีดิวซ์ (leuco form) ซึมเข้าเส้นใย แล้วออกซิไดซ์กลับเป็นสีย้อมไม่ละลายน้ำต้องใช้สารรีดิวซ์ (Na₂S₂O₄) + ด่าง (NaOH) และออกซิไดซ์ด้วยอากาศหรือสารเคมี

สรุปหลักการย้อมและคำศัพท์เคมีพื้นฐาน

การย้อมผ้าคือการทำให้สีย้อมเข้าไปยึดติดกับเส้นใยอย่างถาวร ซึ่งอาศัยหลักการทางเคมีที่แตกต่างกันไปตามประเภทสีย้อมและเส้นใย

หลักการ/สภาวะประเภทสีย้อมที่เกี่ยวข้องคำอธิบายหลักการย้อม
แรงประจุบวก–ลบCationic Dye (+),
Acid Dye (–)
อาศัยแรงดึงดูดระหว่างประจุไฟฟ้าตรงข้ามกัน (Ionic Bond)
ควบคุมสภาวะ กรด/ด่างAcid Dye (ต้องใช้กรด), Reactive Dye (ต้องใช้ด่าง)สภาวะ pH ที่เหมาะสมจะช่วยเปิดหมู่ฟังก์ชันในเส้นใยหรือทำให้สีย้อมทำปฏิกิริยาได้
รีดิวซ์ + ออกซิไดซ์Vat Dyeต้องเปลี่ยนรูปสีย้อมที่ไม่ละลายน้ำให้เป็นรูปละลายน้ำได้ (Leuco form) ก่อน จึงค่อยเปลี่ยนกลับเป็นรูปไม่ละลายน้ำในเส้นใย
พันธะโควาเลนต์Reactive Dyeการสร้างพันธะเคมีถาวรระหว่างสีย้อมกับเส้นใย ทำให้สีติดทนทานที่สุด

คำศัพท์เคมีและสารช่วยย้อมที่สำคัญ (Auxiliary Chemicals)

สารเคมีชื่อไทย / ชื่อสามัญหน้าที่และการทำงานในการย้อม
NaClโซเดียมคลอไรด์
(Sodium Chloride) (เกลือแกง)
Electrolyte (อิเล็กโทรไลต์): ลดแรงผลักระหว่างสีย้อมประจุลบ (ส่วนใหญ่) กับเส้นใย → ช่วยดันสีย้อมให้ซึมเข้าเส้นใยฝ้าย
NaOHโซเดียมไฮดรอกไซด์
(Sodium Hydroxide)
(ด่างเข้มข้น)
ด่างควบคุม pH: ปรับสภาวะให้เป็นด่างเข้มข้น → จำเป็นสำหรับกระบวนการ รีดิวซ์ ของ Vat Dye และใช้ในการย้อม Sulfur Dye
Na₂SO₄ โซเดียมซัลเฟต
(Sodium Sulfate)
(Glauber’s salt)
Electrolyte เช่นเดียวกับ NaCl ใช้เพื่อช่วย ดันสีย้อมเข้าเส้นใย มักใช้ใน Reactive Dye และ Direct Dye บนฝ้าย
Na₂S₂O₄ โซเดียมไดไธโอไนต์
(Sodium Dithionite)
สารรีดิวซ์ (Reducing agent): ใช้เฉพาะใน Vat Dye → เปลี่ยน Vat Dye ให้เป็น Leuco form (ละลายน้ำได้)
Na₂CO₃โซดาแอช
(Sodium Carbonate)
Na₂SO₄ 

คำศัพท์เฉพาะทางเคมีสิ่งทอ

คำศัพท์ความหมายและบทบาท
Leuco formรูปที่ถูกรีดิวซ์ของสีย้อม Vat Dye (เช่น คราม) → เป็นรูปที่ ละลายน้ำได้ และ ไม่มีสี/สีจาง → ทำให้สีย้อมสามารถ ซึมเข้าสู่เส้นใย ได้ เมื่อโดนอากาศจะ ถูกออกซิไดซ์ กลับเป็นรูปสีเข้มที่ไม่ละลายน้ำและติดแน่นในเส้นใย
Covalent Bondพันธะโควาเลนต์ → พันธะที่เกิดจากการ แชร์อิเล็กตรอนร่วมกัน เป็นพันธะเคมีที่ แข็งแรงและถาวรที่สุด ในการย้อมผ้า →ทำให้ Reactive Dye ติดทนถาวร กับเส้นใยฝ้าย
−SO3−​ (Sulfonate group)หมู่ซัลโฟเนต → หมู่เคมีที่มักพบในสีย้อม (เช่น Acid/Direct/Reactive Dye) → มีคุณสมบัติทำให้สีย้อมมี ประจุลบ (–) และ ละลายน้ำได้ดี
−NH3+​ (Protonated amine group)หมู่แอมโมเนียม → หมู่ที่เกิดจาก Amine group (–NH2​) บนเส้นใยโปรตีน (Wool, Silk) หรือไนลอน เมื่ออยู่ในสภาวะกรด →ทำให้เส้นใยมี ประจุบวก (+) พร้อมที่จะจับกับ Acid Dye
Electrolyteอิเล็กโทรไลต์ → สารที่แตกตัวเป็นไอออน (Na+,Cl−) เมื่อละลายน้ำ → ในการย้อมผ้าจะใช้เพื่อ ควบคุมความเร็วและปริมาณการย้อม โดยเฉพาะการย้อมฝ้ายด้วยสีย้อมที่มีประจุลบ

ภูมิปัญญาการย้อมผ้าในอดีต

ก่อนที่ความรู้ทางเคมีสมัยใหม่จะเข้ามา มนุษย์ใช้สิ่งของจากธรรมชาติรอบตัวเพื่อการย้อมผ้า โดยอาศัยทั้ง สีจากธรรมชาติและ สารช่วยย้อม (mordant หรือกรด-ด่างธรรมชาติ) ที่หาได้ง่ายในชีวิตประจำวัน

แหล่งสีย้อมธรรมชาติ

  • เปลือกไม้ ใบไม้ และรากไม้ → เช่น เปลือกประดู่ เปลือกมะเกลือ ให้สีน้ำตาล–ดำ
  • พืชให้สีฟ้า–คราม → เช่น คราม (Indigofera tinctoria) ใช้หมักให้เกิดสีน้ำเงินคราม
  • ดอกไม้และผลไม้ → เช่น ดอกคำฝอยให้สีเหลือง–ส้ม เปลือกทับทิมให้สีเหลือง
  • สัตว์บางชนิด → เช่น ครั่ง (lac dye) ที่ได้จากแมลง ให้สีแดงอมม่วง

สารช่วยย้อมจากธรรมชาติ

  • ขี้เถ้าไม้ → เมื่อนำมาละลายน้ำได้ น้ำด่างอ่อน (alkaline water) ใช้ช่วยย้อมให้สีติดดีขึ้น
  • น้ำส้มสายชู หรือน้ำหมักผลไม้เปรี้ยว → ให้สภาพเป็น กรดอ่อน ใช้ปรับสมดุลการย้อมบางชนิด
  • สารส้ม (alum) ที่หาได้จากธรรมชาติ ใช้เป็น สารช่วยยึดเกาะ (mordant) ให้สีติดทนนาน
  • เปลือกไม้ฝาด (tannin) → มีรสฝาด ใช้คู่กับสารส้มเพื่อช่วยฟิกซ์สีบนเส้นใยฝ้ายและไหม

เส้นใยที่ย้อมได้ในอดีต เส้นใยธรรมชาติเท่านั้น เช่น ฝ้าย ปอ ป่าน ไหม ขนสัตว์ เพราะเส้นใยสังเคราะห์ (โพลีเอสเตอร์, ไนลอน, อะคริลิก) เพิ่งถูกคิดค้นในยุคอุตสาหกรรมศตวรรษที่ 20 และต้องใช้สีย้อมเฉพาะทางเคมีสูง + อุณหภูมิ/แรงดันเกิน 100 °C ซึ่งชาวบ้านในอดีตไม่สามารถทำได้

  • ฝ้าย / ปอ / ป่าน (เส้นใยพืช – เซลลูโลส) → ย้อมด้วย พืชให้สี + สารฝาด (tannin) + สารส้ม (alum) + น้ำด่างจากขี้เถ้า
  • ไหม / ขนสัตว์ (เส้นใยโปรตีน) → ย้อมด้วย ครั่ง (แมลง), คราม, เปลือกไม้, ดอกไม้/ผลไม้ให้สี และใช้ กรดอ่อน (น้ำส้มสายชู, น้ำหมักผลไม้) ช่วยให้สีติด

พูดง่าย ๆ คือ: เส้นใยพืชใช้ด่าง/สารฝาดช่วยย้อม, เส้นใยสัตว์ใช้กรดอ่อน/สารส้มช่วยฟิกซ์สี


DYE METHOD

วิธีการย้อม คือ ขั้นตอน/ช่วงเวลาที่นำเส้นใยหรือผ้าไปย้อม

ประเภทความหมายความคงทนของสี / คุณสมบัติ
Solution Dye
(Dope Dyed)

โซลูชัน-ดาย (โดป-ดายด์)
ผสม pigment ลงใน polymer melt ก่อนปั่นเส้นใย สีฝังในโครงสร้าง ทน UV, ซัก, คลอรีน และสภาพกลางแจ้งสูงสุด ใช้กับ outdoor fabric
Fibre Dye
ไฟเบอร์-ดาย
ย้อมตั้งแต่ยังเป็นเส้นใยก่อนปั่นได้สีที่แทรกทั่วเส้นใย เฉดสีแบบ Heather look
Yarn Dye
ยาร์น-ดาย
ย้อมเป็นเส้นด้ายก่อนทอทำให้ได้ลวดลายทอชัด เช่น Tartan, Gingham, Denim
Piece Dye
พีซ-ดาย
ย้อมทีหลัง หลังจากทอเป็นผ้าเสร็จ ต้นทุนต่ำ เหมาะกับผ้าสีพื้น แต่ความทนแสงต่ำกว่า Solution Dye
Garment Dye
การ์เมนท์-ดาย
ย้อมเสื้อผ้าสำเร็จรูป ได้ลุควินเทจ, ซีด, สีไม่สม่ำเสมอ (intended effect)

สรุป

  • Dye Class (Cationic, Reactive, Disperse ฯลฯ) = ชนิดของสีย้อม (ทางเคมี)
  • Dye Method (Solution dye, Yarn dye ฯลฯ) = วิธีการย้อม (ขั้นตอนผลิต)

สีแบบ Heather look = สีพื้นแบบผสม (mélange effect) ที่ดูไม่เรียบเนียน แต่มีความแตกต่างเล็กน้อยในโทนสี ช่วยให้ผ้าดูมีมิติและ texture

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *