ISO 354

ISO 354:2003 Acoustics — Measurement of sound absorption in a reverberation room

การวัดค่าการดูดซับเสียงในห้องกังวาน

ในการออกแบบห้องซ้อมดนตรี ห้องบันทึกเสียง หรือห้องประชุม ปัญหาหลักที่มักพบคือ “ความก้อง” (Reverberation) ของเสียง ซึ่งลดทอนความคมชัดและคุณภาพเสียง การเลือกใช้วัสดุตกแต่งผนังหรือผ้าม่านจึงจำเป็นต้องอ้างอิงมาตรฐานการทดสอบที่เชื่อถือได้ระดับสากล นั่นคือ ISO 354

ISO 354 คืออะไร?

ISO 354:2003 คือมาตรฐานสากลที่กำหนดวิธีการวัดค่าสัมประสิทธิ์การดูดซับเสียง (Sound Absorption Coefficient) ของวัสดุ โดยทำการทดสอบภายใน “ห้องกังวาน” (Reverberation Room)

มาตรฐานนี้เป็นที่ยอมรับทั่วโลกในการระบุประสิทธิภาพของวัสดุซับเสียง (Acoustic Materials) ไม่ว่าจะเป็นแผ่นซับเสียง ผนัง หรือสิ่งทอ เพื่อให้สถาปนิกและนักออกแบบสามารถคำนวณค่าทางอะคูสติกได้อย่างแม่นยำ

หลักการทดสอบ (Methodology)

การทดสอบตามมาตรฐาน ISO 354:2003 มีกระบวนการที่เข้มงวด ดังนี้:

  1. สถานที่ทดสอบ: ต้องทำในห้องปฏิบัติการที่มีผนังแข็งและสะท้อนเสียงสูง (Reverberation Room) เพื่อสร้างสนามเสียงฟุ้งกระจาย (Diffuse Sound Field)
  2. การวัดค่า: เริ่มจากการวัดระยะเวลาความก้อง (Reverberation Time) ของห้องเปล่า
  3. การติดตั้งตัวอย่าง: นำวัสดุที่ต้องการทดสอบ (เช่น ผ้าม่าน) เข้าไปติดตั้ง โดยต้องมีพื้นที่ผิวขั้นต่ำตามมาตรฐานกำหนด (โดยทั่วไปคือ 10-12 ตารางเมตร)
  4. การเปรียบเทียบ: ทำการวัดระยะเวลาความก้องอีกครั้งเมื่อมีวัสดุ ผลต่างของเวลาที่ลดลงจะถูกนำมาคำนวณเป็นค่าการดูดซับเสียง

การอ่านค่าผลการทดสอบ

ผลลัพธ์ที่ได้จะแสดงเป็น Sound Absorption Coefficient ในแต่ละย่านความถี่ (1/3 Octave Band) ตั้งแต่ 100 Hz ถึง 5000 Hz ค่าสัมประสิทธิ์นี้มีค่าระหว่าง 0.00 ถึง 1.00:

  • alpha S = 0.00: สะท้อนเสียงทั้งหมด (เช่น คอนกรีต, กระจก)
  • alpha S = 1.00: ดูดซับเสียงได้สมบูรณ์ (ไม่มีเสียงสะท้อนกลับ)

หมายเหตุ: ผลการทดสอบจาก ISO 354 มักถูกนำไปแปลงเป็นค่าดัชนีตัวเดียวเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน เช่น NRC (Noise Reduction Coefficient) ตามมาตรฐาน ASTM หรือ alpha w (Weighted Sound Absorption Coefficient)ตามมาตรฐาน ISO 11654

ความสำคัญสำหรับผ้าม่านและห้องดนตรี

สำหรับการใช้งานในห้องซ้อมดนตรี การเลือกใช้ผ้าม่านที่ผ่านการทดสอบ ISO 354 มีข้อดีที่สำคัญคือ:

  1. ความถูกต้องของการติดตั้ง (Mounting Type): มาตรฐานนี้รองรับการทดสอบแบบ Type G Mounting (แบบแขวนอิสระ) ซึ่งจำลองการใช้งานจริงของผ้าม่านที่มีการจับจีบ (Pleated) ทำให้ได้ค่าการดูดซับเสียงที่สะท้อนความเป็นจริงมากกว่าการทดสอบแบบขึงตึง
  2. การแก้ปัญหาเสียงก้อง: ค่าที่ได้จากการทดสอบช่วยให้ผู้ใช้งานทราบว่าผ้าม่านรุ่นนั้นๆ สามารถลดเสียงก้องในย่านความถี่ใดได้ดีที่สุด (เสียงทุ้ม กลาง หรือแหลม) เพื่อให้เหมาะสมกับเครื่องดนตรีแต่ละประเภท

การอ้างอิงผลทดสอบจากมาตรฐาน ISO 354:2003 เป็นสิ่งยืนยันประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ในทางวิศวกรรม ช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าวัสดุที่เลือกใช้มีคุณสมบัติในการปรับปรุงคุณภาพเสียงภายในห้องได้จริงตามหลักวิชาการ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *